วันเสาร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2552

นามสกุลคนโคราช บ้านเอ๋ง

พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงประกาศพระราชบัญญัติ ขานนามสกุลขึ้น ณ วันที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2455 และประกาศใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2456 โดยทรงมีพระราชประสงค์เพื่อให้

1. นามสกุลเป็นหลักของการสืบเชื้อสายต่อเนื่องกัน ทางบิดาผู้ให้กำเนิดเป็นศักดิ์ศรี และแสดงสายสัมพันธ์ ในทางร่วมสายโลหิตของบุคคล
2. นามสกุล ก่อให้เกิดความเป็นหมู่คณะ ส่งเสริมความรักความสามัคคี ระหว่างเครือญาติ ตั้งแต่คนชั้นสูงตลอดชั้นต่ำทั่วไป

นามสกุล เปรียบเสมือนคุณลักษณะ ของบุคคลแต่ละเผ่าพันธุ์ ส่วนมาก มักสร้างแนวจูงใจ ผู้เป็นเจ้าของนามสกุล ตลอดเครือญาติในสกุล ให้สำนึกในความดีชั่ว ให้เกิดความนิยมในอันที่ดำเนินชีวิต เจริญรอยตามวิชาชีพ และความมีชื่อเสียง อันเป็นที่มาแหล่งมงคลนาม ของบรรพบุรุษผู้ต้นตระกูลนานสกุลนั้น เป็นประดุจธงชัยเฉลิมศักดิ์ศรี ของคนในสกุลใคร ๆ ก็ย่อมเชิดชู และระมัดระวัง ที่จะไม่ให้มีมลทินเสื่อมเสีย เป็นวิธีป้องกันความชั่วช้า ที่จะเกิดแก่หมู่คณะ ได้เป็นอย่างดีในทางอ้อม คงจะเห็นอยู่บ่อย ๆ ที่ใครประพฤติปฎิบัติชั่วร้ายเลวทราม ก็มักจะถูกตราฆ่าชื่อ ถึงถูกขับไล่ไม่ให้ใช้สกุลร่วมกันก็เคยมี
เมื่อพระราชบัญญัติขนานนามสกุลได้ประกาศใช้แล้วคนไทยต่างก็คิดหานามสกุลของตน บ้างขอพระราชทานนามสกุล และบ้างก็ช่วยกันคิดตั้งขึ้นเอง บางนามสกุลได้มาจากชาติกำเนิด บางทีก็มาจากอาชีพที่ประกอบอยู่ นามสกุลคนโคราช มีนามสกุลซึ่งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ พระราชทาน อาทิ อินทโสฬส อินทะกนก อินทรกำแหง วัชระคุปต์ เหมนิธิ ชาตะวราหะ ชาตยานนท์ ศุกระสูยะ รัตนเนนย์ จิตะสมบัติ (ขอพระราชทาน) เป็นต้น
การนำบรรดาศักดิ์มาตั้งเป็นนามสกุลก็มี เช่น วิโรจน์จรรยา สุบงกช คงฤทธิ์ศึกษากร คนโคราชนิยมตั้งนามสกุลตามภูมิลำเนาที่เกิด หรือที่อยู่อาศัยใช้ชื่อตำบล อำเภอ หรือหมู่บ้าน เป็นส่วนท้ายของนามสกุล เช่น งามกระโทก คำว่า กระโทกที่อยู่ส่วนท้ายนั้นบอกให้รู้ว่าบุคคลนั้น คือคนที่มีภูมิลำเนาอยู่อำเภอโชคชัยที่เดิมเรียกว่า กระโทก
นามสกุลที่อยู่ตอนต้นอาจได้มาโดยวิธีต่าง ๆ ดังนี้

1. นำชื่อปู่ ย่า ตา ยาย หรือ พ่อ แม่ ของตนมาตั้งเป็นส่วนต้น แล้วต่อด้วยชื่อหมู่บ้านหรือ ตำบล อำเภอ เช่น ปู่ชื่อพรม บ้านอยู่บ้านพะเนาว์ จะได้นามสกุลว่า พรมพระเนาว์
2. ตั้งจากกิริยาอาการของบุคคล ผู้ที่จะขอนามสกุล เช่นเดินางร่มเข้าไปหาเจ้าหน้าที่ ผู้ออกใบสำคัญตั้งนามสกุลให้ ภูมิลำเนาอยู่บ้านสูงเนิน เจ้าหน้าที่จะตั้งนามสกุลให้ว่า ร่มสูงเนิน
3. ตั้งตามลักษณะเฉพาะ หรือ เอกลักษณ์ประจำตัวของผู้ที่จะขอนามสกุลเช่น นายจันทน์ ไปไหนชอบถือจอบ จนชาวบ้านเรียกทั้งชื่อตัว และลักษณะประจำตัวว่า จันทน์จอบ เมื่อไปขอนามสกุล เจ้าหน้าที่ทราบว่าอยู่ตำบลโพธิ์กลาง ก็จะได้นามสกุลว่า จอบโพธิ์กลาง
4. ตั้งตามเจ้าหน้าที่ เช่น เจ้าหน้าที่คิดถึงต้นไม้ ก็จะนำส่วนต่าง ๆ ของต้นไม้เช่น กิ่ง ใบ ดอก ผล ราก มาตั้งเป็นส่วนตัวของนามสกุล ต่อท้ายด้วยถิ่นที่อยู่ลงไปเป็น กิ่งกระโทก ใบกลาง ดอกจันทึก ผลสันเทียะ รากพุดซา เป็นต้น

ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างนามสกุลของคนโคราช

1. อำเภอเมือง

* ตำบลในเมือง คำลงท้าย ในเมือง ตัวอย่าง ก้อนในเมือง งามในเมือง ล้อมในเมือง เถียรในเมือง ชำนาญเมือง ถนอมโพธิ์กลาง
* ตำบลโพธิ์กลาง คำลงท้าย โพธิ์กลาง ตัวอย่าง เวชโพธิ์กลาง เลิศโพธิ์กลาง ตังโพธิ์กลาง
* ตำบลหัวทะเล คำลงท้าย ทะเล ตัวอย่าง จาบทะเล พุดทะเล สาทะเล หาญทะเล เกิดทะเล โยงทะเล
* ตำบลมะเริง คำลงท้าย มะเริง ตัวอย่าง จอมมะเริง ศรีมะเริง เรืองมะเริง
* ตำบลพุดซา คำลงท้าย พุดซา ตัวอย่าง ดีพุดซา ใบพุดซา รากพุดซา
* ตำบลพลกรัง คำลงท้าย พลกรัง ตัวอย่าง สดพลกรัง เดชพลกรัง นพพลกรัง ด้วงพลกรัง สว่างพลกรัง ประเสริฐพลกรัง
* ตำบลปรุใหญ่ คำลงท้าย ปรุ ตัวอย่าง ศรีปรุ สินปรุ บรรจงปรุ เข็มทองปรุ
* ตำบลบ้านใหม่ คำลงท้าย ใหม่ ตัวอย่าง สกุลใหม่ ใสใหม่ ฤทธิ์ใหม่ ปานใหม่ นามใหม่
* ตำบลโคกสูง คำลงท้าย โคกสูง ตัวอย่าง แววโคกสูง ร่มโคกสูง โนนโคกสูง ถิ่นโคกสูง ดาวโคกสูง ฝ่ายโคกสูง สูบโคกสูง กลิ่นโคดสูง
* ตำบลจอหอ คำลงท้าย จอหอ เช่น เกิดจอหอ แก้วจอหอ ภักดีจอหอ ผันจอหอ นิลจอหอ
* ตำบลบ้านโพธิ์ คำลงท้าย โพธิ์ ตัวอย่าง บ้านโพธิ์ ยุ้งชมโพธิ์ อยู่โพธิ์ นอนโพธิ์ แก้วโพธิ์
* ตำบลบ้านโคกกรวด คำลงท้าย โคกกรวด ตัวอย่าง ชมโคกกรวด เขาโคกกรวด โมโคกกรวด ดีโคกกรวด
* ตำบลบ้านเกาะ คำลงท้าย เกาะ ตังอย่าง จำเกาะ จอมเกาะ ในเกาะ แจบเกาะ
* ตำบลหมื่นไวย คำลงท้าย หมื่นไวย ตัวอย่าง อินโมหมื่นไวย แจ้งหมื่นไวย ในหมื่นไวย พงษหมื่นไวย ศรีหมื่นไวย จูหมื่นไวย เหล็กหมื่นไวย
* ตำบลพะเนาว์ คำลงท้าย พะเนาว์ ตัวอย่าง จันขาวพะเนาว์ ดีนวลพะเนาว์ เสือมาพะเนาว์
* ตำบลหนองจะบก คำลงท้าย จะบก ตัวอย่าง ไกรจะบก เจริญจะบก โคกจะบก แย้มจะบก

2. อำเภอปักธงชัย

* ตำบลเมืองปัก คำลงท้าย เมืองปัก ตัวอย่าง ชุ่มเมืองปัก ฉัตรเมืองปัก ร่มเมืองปัก ฉ่ำเมืองปัก เคลื่อนเมืองปัก
* ตำบลตะคุ คำลงท้าย ตะคุ ตัวอย่าง เลิศตะคุ เจริญตะคุ แสงตะคุ
* ตำบลตะขบ คำลงท้าย ตะขบ ตัวอย่าง บนตะขบ งามตะขบ ลอยตะขบ
* ตำบลงิ้ว คำลงท้าย ฉิมพลี ตัวอย่าง แววฉิมพลี ผลฉิมพลี ใจฉิมพลี โรจน์ฉิมพลี
* ตำบลบ้านตูม คำลงท้าย พรหมราช ตัวอย่าง ขำพรหมราช เดชพรหมราช
* ตำบลสะแกราช คำลงท้าย กิ่ง ตัวอย่าง ไฝกิ่ง ระวังกิ่ง รวยกิ่ง ดีกิ่ง
* ตำบลดอน คำลงท้าย ดอน ตัวอย่าง ขอดอน นอดอน บินดอน ไกลดอน แขดอน
* ตำบลสำโรง คำลงท้าย สำโรง ตัวอย่าง เชยสำโรง งามสำโรง ดีสำโรง
* บ้านจาโป๊ะ คำลงท้าย จะโป๊ะ ตัวอย่าง ผันจะโป๊ะ ฉุนจะโป๊ะ สำราญจะโป๊ะ เกิดจะโป๊ะ
* บ้านหนองผักแว่น คำลงท้าย ผักแว่น ตัวอย่างวิเวชผักแว่น สีผักแว่น กินผักแว่น แอมผักแว่น
* บ้านจังหรีด คำลงท้าย จังหรีด ตัวอย่าง จิ๋วจังหรีด แอบจังหรีด ซิงจังหรีด


3. อำเภอโนนไทย

* ตำบลสันเทียะ คำลงท้าย สันเทียะ เช่น โกนสันเทียะ ดอกสันเทีย หันสันเทีย บอนสันเทียะ ภาคสันเทียะ แก่นสันเทียะ ยีสันเทียะ
* ตำบลค้างพลู คำลงท้าย ค้างพลู เช่น เกตุค้างพลู แป้งค้างพลูเงินค้างพลู แอบค้างพลู
* ตำบลพังเทียม คำลงท้าย พังเทียม เช่น หลงพังเทียม งามพังเทียม ช้างพังเทียม ผิวพังเทียม
* ตำบลด่านจาก คำลงท้าย ด่านจาก เช่น มณีด่านจาก ไหลด่านจาก โซด่านจาก แขด่านจาก
* ตำบลสายออ คำลงท้าย สายออ เช่น เผ่าสายออ โลกสายออ ห่วงสายออ เงินสายออ
* ตำบลกำปัง คำลงท้าย กำปัง เช่น เส็งกำปัง ใสกำปัง สุขกำปัง สว่างกำปัง
* ตำบลพันดุง คำลงท้าย พันดุง เช่น โมพันดุง เกพันดุง เกิดพันดุง โตพันดุง


4. อำเภอสูงเนิน
ลงท้ายด้วยคำว่าสูงเนิน ทั้งหมด เช่น หวานสูงเนิน เกี้ยวสูงเนิน ไขสูงเนิน รอสูงเนิน เร้าสูงเนิน ศรสูงเนิน แจ้งสูงเนิน บัตรสูงเนิน เดชสูงเนิน ทิพย์สูงเนิน อาจสูงเนิน เชื่องสูงเนิน โบสูงเนิน สร้อยสูงเนิน เจริญสูงเนิน อ้นสูงเนิน โชติสูงเนิน
5. อำเภอสีคิ้ว
เดิมเป็นตำบลหนึ่งของอำเภอจันทึกหรือเมืองจันทึกนามสกุลจึงลงท้ายว่า จันทึก เช่น แถวจันทึก แอบจันทึก โกฎิจันทึก ศรีจันทึก เหมจันทึก วงศ์จันทึก นามสกุลนี้แพร่ไปถึงปากช่องซึ่งเคยเป็นหมู่บ้านหนึ่งของอำเภอจันทึก
6. อำเภอโชคชัย
เดิมชื่ออำเภอกระโทก ส่วนท้ายของสกุลจึงลงท้ายว่า กระโทก ที่อำเภอนี้มีลักษณะเฉพาะ ในการตั้งนามสกุล คือจะตั้งเรียงลำดับอกษร ตั้งแต่ ก ถึง ธ ตามระยะห่างจากตัวที่ว่าการอำเภอ เริ่มจาก ก ซึ่งอยู่ใกล้อำเภอที่สุด ถ้าใครมีนามสกุลเป็นอักษร ฮ เช่น ฮุยกระโทก แสดงว่าบ้านอยู่ ไกลจากตัวอำเภอสุดกู่ การตั้งนามสกุลเช่นนี้ ท่านว่ามีประโยชน์ สำหรับการปกครองพื้นที่ ตัวอย่างนามสกุล เช่น แหวนกระโทก กิ่งกระโทก ทองกระโทก เวยกระโทก มองกระโทก เหิมกระโทก ไฮกระโทก อิ่มกระโทก เพิ่มกระโทก ไหมกระโทก เกลี้ยวกระโทก พลูกระโทก ครึบกระโทก หวงกระโทก ชุ่มกระโทก จุ้ยกระโทก ไข่กระโทก แก้วกระโทก โตกระโทก ทินกระโทก นกกระโทก


7. อำเภอจักราช

* ตำบลทองหลาง คำลงท้าย ทองหลาง เช่น ดีทองหลาง โลทองหลาง วายทองหลาง
* ตำบลหนองงูเหลือม คำลงท้าย งูเหลือม เช่น ไปล่งูเหลือม บาทงูเหลือม เผื่อนงูเหลือม ดีงูเหลือม
* ตำบลสีสุก คำลงท้าย สีสุก เช่น ขาวสีสุก วิไลสีสุก จันสีสุก


8. อำเภอพิมาย
คำลงท้าย พิมาย และการค้า ตัวอย่าง โชติพิมาย ทองพิมาย พงษ์พิมาย คู่พิมาย ชาวพิมาย เทียนพิมาย โครงพิมาย โกร่งพิมาย โตรำพิมาย หลงพิมาย กาญจนพิมาย การพิมาย นามพิมาย ค้าขาย ค้าคล่อง เก่งค้า สืบค้า


9. อำเภอด่านขุนทด
คำลงท้าย ขุนทด ชนะ และ โคกรักษ์ เช่น เมฆขุนทด เพียกขุนทด ใบขุนทด ไกรขุนทด นาคขุนทด ดิษขุนทด มากขุนทด บวดขุนทด เชยขุนทด พันชนะ เพียงชนะ ดีชนะ ภูมิโคกรักษ์ ใสโคกรักษ์


10. อำเภอโนนสูง (รวมอำเภอขามสะแกแสง)
เดิมเรียกว่าอำเภอกลาง ดังนั้นจึงมีคำลงท้ายนามสกุลว่า กลาง เช่น เล็กกลาง แนมกลาง หวังแอบกลาง มุ่งกลาง ขอแนบกลาง กางร่มกลาง ย่านกลาง อีกสกุลหนึ่งลงท้ายว่าจันอัด เช่น เจ๊กจันอัด ไกลจันอัด บัวจันอัด


11. อำเภอบัวใหญ่
เดิมเรียกอำเภอนอก ดังนั้นคำลงท้ายนามสกุลจึงใช้คำว่านอก เช่น ศรีนอก ดอนนอก กระโทกนอก สงนอก ปานนอก คอนนอก พิมลนอกโพธิ์นอก แก้วยางนอก เพลี่ยนอก พรหมนอก รายนอก ชิดนอก กิ่งนอก กระฉอดนอก


12. อำเภอครบุรี
ลงท้ายว่า ครบุรี เช่าน อาบครบุรี เสียวครบุรี พลอยครบุรี กลอนครบุรี เทียมครบุรี จรครบุรี


อำเภอที่เกิดใหม่ไม่มีการตั้งนามสกุลตามถิ่นที่อยู่คือ ปากช่อง ประทาย ชุมพวง คง ห้วยแถลง ขามสะแกแสง ขามทะเสสอ เสิงสาง บ้านเหลื่อม

http://www.koratinfo.com/history/korat/lastname.htm

วันศุกร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ปลาร้า ภูมิปัญญาชาวบ้าน ภูมิปัญญาไทย

ขุนสุบงกช ศึกษากร (บิดาของอาจารย์ถาวร สุบงกช) อธิบายให้อาจารย์ถาวรฟังว่า เมื่อ พ.ศ. 2520 เรื่องปลาร้า ที่ภาษาโคราชเรียกว่า ปร้า หรือ ปลาแดก ว่าดังนี้ เมื่อก่อนตามลำคลอง หนอง บึง ในนาของเมืองโคราชมีปลาอุดมสมบูรณ์ ทั้งปลาตัวเล็ก ๆ และปลาตัว โต ๆ เมื่อจับปลาได้มาก ๆ ก็จะทำปร้าไว้กินนานๆ เป็นการเพิ่มรสชาติของอาหาร คนโคราชจะจับปลามาแบ่งออกเป็น 2 พวก คือ ปลาเบา และ ปลาหนัก
ปลาเบา ได้แก่ ปลาตะเพียน ปลาสร้อย ปลาแก้มช้ำ (โคราชเรียกว่า ปลาสะหลำพอง)
ปลาหนัก ได้แก่ ปลาช่อน ปลาชะโด ปลาดุก ปลาหมอไทย ปลาหมอช้างเหยียบ (โคราชเรียกว่า ปลากำกับ)
เมื่อคัดแยกปลาแล้ว ก็ปาดท้องล้วงเอาขี้ปลาออก ตัดหัว ตัดหาง ตัดตรีบและเงี่ยงแล้วทำปลาใส่เกลือหมักไว้ (เขาไม่ได้พูดว่ากี่ส่วน คะเน ๆ เอา เท่านั้น) เมื่อหมักเกลือนานพอที่เกลือจะแทรกซึมทั่วตัวปลาแล้ว ต้องนำมา แปร อีกทีหนึ่งโคราชเรียกว่าแปรปร้า
คือ การนำข้าวสารเจ้าที่คั่วสุกแตาไม่ถึงไหม้มาตำหรือโม่เพื่อบดให้ละเอียด (เรียกว่าข้าวเบือ) ปลาที่หมักเกลือไว้นั้นมาคลุกกับข้าวเบือ เติมเกลือลงไปอีกตอนที่แปรปร้านี้ จะมีกลิ่นเหม็นตลบทั่วบ้าน บางทีจะเหม็นถึงบ้านใกล้เคียง แต่ก็อภัยให้กัน เมื่อนำปลามานวด คั้นขย้ำจนเห็นว่าทั่วถึงกันดีแล้วก็จัดเรียงลงไห ให้หัวหางสลับกันไปทั้งปลาเบาและปลาหนัก ปลาเล็กปลาใหญ่ ใช้กากสำหรับตำน้ำพริก
แดก คือกดให้ทั่ว แล้วเติมปลาลงไปจนเต็มให นำกาบไผ่ (กาบของต้นไผ่ที่แห้งดีแล้ว) ดันให้ขนาดพอเหมาะปิดปากไห แล้วใช้ไม้ ไผ่ซีกเล็ก ๆ ขัดไว้กันไม่ให้หลุด
ไหที่ใช้หมักปลาร้านี้ เรียกว่า ไหซอง คือไหปากสองชั้น ชั้นในต่ำกว่าชั้นนอก เมื่อปลาอยู่ในไหเริ่มแปลสภาพเป็นปลาร้า จะมีน้ำล้นเอ่อขึ้นมาอยู่ชั้นที่ สองของปากไห ต้องคอยสังเกตุดูน้ำปลานี้นำมาใช้ได้ ส่วนปลาร้านั้นโคราชเรียกว่า ปร้า หรือปลาแดกเก็บไว้ 1 ปี หรือ 2 ปีก็ได้ นิยมว่าดีนัก กินดิบ ๆ ก็ได้ ไม่คาว ปร้า ปลาแดกนี่แหละ ที่เขานำไปทำน้ำพริก ใส่กระบอกเป็นเสบียงกรัง เมื่อเดินทางไกลๆ เรียกชื่อเสียใหม่ว่าแจ่วบอง กินกับข้าวเหนียว เจริญอาหารดีนัก
แจ่วบองมีผู้อธิบายว่า ปลาแดกหนึ่ง ข่าเผาไฟพอสุกหนึ่ง ตะไคร้หนึ่ง มะขามเปียกหนึ่ง พริกขี้หนูหนึ่ง ประมาณเอาว่า
อะไร เท่าไร จะพอดีก็ใส่ลงไป ไม่มีสูตรแน่นอน เมื่อได้เครื่องครบแล้ว นำแต่ละอย่างมาหั่นให้ละเอียด แล้วสับหรือบดให้เข้ากันด ียัดใส่กระบอกไม้ไผ่ อัดให้แน่น ถ้ามีอากาศข้างในกระบอก จะทำให้เกิดราและสียเร็ว แจ่วบองดี ๆ นับว่าจะหากินยาก เพราะปลาร้า ที่ทำเป็นปลาแดก หายากเข้าทุกที อีกประการหนึ่ง นักวิชาการ หรือนักวิจัยเล่าว่า ปลาร้าดิบมีพยาธิมาก เป็นอันตรายแก่ผู้บริโภค ควรทำให้สุกเสียก่อน แต่ดูเหมือน จะเป็นธรรมเนียมเสียแล้วว่า คนกินไม่เชื่อ คนเชื่อไม่กิน เล่ามาเสียยืดยาว ต้องการอธิบายคำว่า แดก เท่านั้นเอง แดกคือ ดัน หรือ กดลงไป เรานำมาเป็นคำหยาบ คำประชด น้ำหนักพอ ๆ กับคำว่า ยัดห่า นั่นแหละ แต่ก่อน เขาไม่ถือว่า เป็นคำหยาบเลย

สูตรการทำปลาร้าบอง

ปลาร้าบองสูตรนี้ คัดมาบางส่วน จากหนังสือพิมพ์ "อาทิตย์ กู้ชาติ" หน้า 26 ประจำวันพุธที่ 19 ธันวาคม 2544 ซึ่งก็ต้อง ขอขอบคุณ หนังสือพิมพ์ อาทิตย์ กู้ชาติ มา ณ ที่นี้ ด้วย
ปลาร้าบอง อาหารยอดนิยมชาวอิสาน
โคราช... "ถิ่นปลาร้าบอง"

เมื่อเดินทางไปภาคอิสาณ สิ่งแรกที่คนทั่วไป นึกถึงก็คือ ส้มตำ และมีสิ่งที่พูดกัน แบบติดปาก นั่นก็คือ "ปลาร้า" ซึ่งปัจจุบัน ปลาร้า ได้มีการพัฒนา จนกระทั่ง สามารถเป็นผลิตภัณฑ์ ที่บรรจุกระป๋อง และสามารถส่งออกไปจำหน่าย ยังต่างประเทศ ส่วนในตัวเมืองโคราช หากจะถามหา ปลาร้าที่ขึ้นชื่อ สักยี่ห้อ เพื่อซื้อ ไว้บริโภค หรือ ใช้เป็นของฝากแล้ว "ปลาร้าบอง" ของกลุ่มแม่บ้าน "บ้านหนองกระทุ่ม" ต.หนองจะบก อ.เมือง จ.นครราชสีมา หรือที่ชาวบ้าน และผู้บริโภคเรียกสั้นๆ ว่า "ปลาร้าบองหนองจะบก" เพราะเป็นปลาร้า ที่เข้าโครงการ หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ ทั้งนี้ ในตำบลหนองจะบก ก็มีหลายผลิตภัณฑ์ ทั้งการเพาะเลี้ยงปลาดุก ปลูกผักปลอดสารพิษ หรือคุกกี้สมุนไพร แต่ที่ทางตำบล เลือกปลาร้าบอง มาเป็น ผลิตภัณฑ์ ประจำตำบลนั้น ก็เพราะคุณภาพ และชื่อเสียง ที่มี มาก่อนแล้ว นั่นเอง

เผยเคล็ดลับ...สูตรเด็ด
สำหรับสูตร วิธีการทำปลาร้าบอง หนองจะบก ที่ทางคุณจีราวรรณ เผยสูตร และวิธีการทำ หากหมู่บ้านใด สนใจต้องการเชิญ ให้เป็นวิทยากร ไม่ว่าจะเป็น ผลิตภัณฑ์ที่ทำอยู่ หรือผลิตภัณฑ์ที่ทำใหม่ ให้กับทางหมู่บ้าน ยินดีให้ความรู้ และความร่วมมือ โดยติดต่อใด้ที่ 01-946-9472 หรือที่ทำการ 044-357-936 ส่วนเครื่องปรุง มีดังต่อไปนี้
1. ปลาร้า 5 กิโลกรัม
2. ข่า 1 กิโลกรัม
3. ตะไคร้ 1 กิโลกรัม
4. กระเทียม 0.5 กิโลกรัม
5. หอมแดง 1 กิโลกรัม
6. พริกแห้ง (ใช้พริกที่ป่นแล้ว) 1.5 กิโลกรัม
7. มะขามเปียก 0.5 กิโลกรัม
8. ใบมะกรูด

เปิดครัว เตรียมลงมือ
สำหรับขั้นตอนการทำ มีดังต่อไปนี้
1. นำปลาร้ามาสับให้ละเอียด ต้องใช้ปลาร้าอย่างดี เป็นพิเศษ
2. นำหอมแดง ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด มาทำความสะอาด แล้วหั่น เป็นชิ้นเล็กๆ
3. นำพริกแห้งไปคั่ว แล้วป่นให้ละเอียด
4. มะขามเปียก แช่น้ำสุก อุ่นทิ้งไว้
5. เจียวกระเทียมให้เหลือง หอม ข่า ตะไคร้ นำไปคั่วจนสุก แล้วนำเข้า เครื่องบดละเอียด ผสมกับหอมแดง และกระเทียมเจียว ใช้หม้อ หรือกระทะ ตั้งไฟ นำปลาร้า และส่วนผสมที่บดแล้วมาคั่ว จนปลาร้าสุก นำมะขามเปียก มาผสม คลุกเคล้าให้เข้ากัน โดยออกรสเปรี้ยว-เผ็ดนำ (หรือตามชอบ)

การลงทุน ใช้ต้นทุน ประมาณ 638 บาท บรรจุได้ 100 กระปุก ราคาจำหน่าย กระปุก ละ 10 บาท หากสนใจ สามารถสั่งซื้อได้ ที่ศูนย์สาธิต ตลาดหนองจะบก ในหมู่บ้าน สุรนาวิลเลจ อ.เมือง จ.นครราชสีมา

http://www.koratinfo.com/samapi/plara.htm

วันพุธที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2552

เรื่องเลวร้ายที่ผมทำกับเพื่อนพี่สาว

ผมอาศัยอยู่กับพี่สาวสองคนในบ้านสองชั้นหลังเล็กๆ ที่ทำงานของผมอยู่ห่างจากบ้านไม่มากนัก ทุกวันหลังเลิกงานผมจะเดินกลับบ้าน ด้วยความหวังอะไรบางอย่าง ครับ….ความหวังของผมกำลังเดินมาแล้ว……นางในฝันของผม (มิใช่ฝันเปียกนะท่านๆ หึ หึ) ผมเฝ้ามองเธอมาหลายเดือนแล้วครับ บางครั้งผมรู้สึกเหมือนกับว่ามีรอยยิ้มเล็กๆ จากเธอส่งมาให้ผู้ชายจืดๆ เช่นผม (หรือหัวใจผมมันหลอกตัวเองนะ) หลายครั้งที่ผมอยากจะเข้าไปแนะนำตัวกับเธอ แต่เพราะสายตาน่าเกลียด-น่ากลัวของกะเทยควายเพื่อนของเธอ ทำให้ผมต้องถอยกลับอย่างฝันหนีทุกครั้งไป หากบอกไปคงไม่มีใครเชื่อว่านักกีฬากล้ามใหญ่อย่างผม จะกลัวกะเทยฝังใจเช่นนี้ หลายเดือนมานี้ไม่มีซักวันเลยที่เจ้ากะเทยควายจะปล่อยให้เธอเดินคนเดียว เมื่อไหร่ผมจะมีโอกาสนะ? แต่รักแท้ต้องไม่ทิ้งความพยายาม ผมเชื่อว่าวันหนึ่งโอกาสต้องเป็นของผม .. ในขณะที่หัวใจผมกำลังอิ่มเอิบไปด้วยความหวังแห่งรักนั้น กลับมีเหตุการณ์เลวร้ายที่คาดไม่ถึงเกิดขึ้นกับชีวิตผม เพื่อนของพี่สาวย้ายเข้ามาเช่าบ้านติดกับบ้านผม พี่สาวแนะนำให้ผมรู้จัก “พี่มด” และขอแรงผมช่วยขนย้ายสัมภาระเข้าบ้าน แต่สายตาและรอยยิ้มของพี่มดที่มองมายังผมซิครับ ทำเอาหัวใจของผมเหมือนจะหยุดเต้น ผิวของพี่มดขาวละเอียดมาก เข้าใจว่าคงผ่านการดูแลมาอย่างดี พี่มดสูงประมาณ 170 ซม. เอวเล็กรับกับก้นที่ได้รูปอย่างแปลกประหลาด ในระหว่างที่ช่วยกันขนย้ายสิ่งของ ผมมองผ่านหน้าอกของพี่มดอย่างไม่ตั้งใจ แต่ก้ออดจะนึกถึงแตงโมลูกย่อมๆ ที่แม่ค้าวางขายอยู่ในตลาดไม่ได้ เธอเอามันมาจากไหนนะ เห็นแล้วน่าหนักอกหนักใจแทนจริงๆ ยามที่เราขนย้ายสิ่งของผ่านช่องทางเล็กๆ ที่ต้องค่อยๆ เบียดผ่านกัน ผมรู้สึกได้ถึงความนิ่มจากร่างกายพี่มดที่บดเบียดลงมาบนร่างกายที่เต็มไป ด้วยเม็ ดเหงื่อของผม มันเป็นความรู้สึกที่คนอย่างผมยากจะบรรยายจริงๆ พี่มดคงมองผมเป็นน้องเลยไม่ได้ระวังตัว ผมได้แต่ข่มความรู้สึกแปลกๆ ที่กำลังปะทุขึ้นมาในใจอย่างสุดความสามารถ อย่างน้อยก้อเพื่อเห็นแก่พี่สาวผม .. วันเวลาผ่านไปพี่มดมาเป็นแขกประจำของพี่สาวผมแทบทุกวัน บางวันก้อชวนกันออกไปดูหนังพักผ่อน บางวันก้อชวนกันไปหาหมอความงาม (ไม่รู้พี่สาวผมจะบ้าความงามตามพี่มดไปถึงไหนไม่ เข้าใจจริงๆ) แต่สายตาที่พี่มดมองมายังผมมันแฝงแววตาแปลกๆ มากขึ้นทุกวัน บางคืนผมหลับตานอนยังมองเห็นรอยยิ้มและแววตาคู่นั้นจนนอนไม่หลับ ต้องลุกขึ้นมาออกกำลังกายหนักๆ เพื่อข่มความรู้สึกตัวเองให้บรรเทาลง .. คืนนี้ตีสองกว่าแล้ว ผมตื่นขึ้นมาเพราะเสียงเรียกของพี่สาว ผมเดินลงบันไดมาเจอพี่สาวกำลังประคองพี่มดที่อยู่ในอาการเมาไม่ได้สติ พี่สาวบอกว่าคืนนี้เพื่อนร่วมรุ่นเลี้ยงฉลองกัน แต่พี่มดเมามาก กุญแจบ้านพี่มดก้อหาย จึงต้องพามานอนบ้านเรา แล้วพี่สาวก้อบอกให้ผมประคองพี่มดขึ้นไปนอนบนห้องของพี่สาว ส่วนตัวพี่สาวขับรถออกจากบ้านไปส่งเพื่อนๆ อีกสองสามคน .. ผมประคองพี่มดขึ้นบันไดไปห้องพี่สาว ด้วยแขนขาที่สั่นจนแทบควบคุมไม่ได้ กลิ่นไวน์อ่อนๆ ผสมกับกลิ่นน้ำหอมราคาแพงที่อาบอยู่บนตัวพี่มดลอยมาแตะจมูก ลูกแตงโมย่อมๆ มันเบียดกับร่างกายผม จนหลุดออกจากเกาะอกมาโชว์แก่สายตา ผมได้แต่ข่มความรู้สึกตัวเอง ประคองพี่มดขึ้นมาจนสุดขั้นบันไดอย่างยากเย็น แต่แล้วเหตุการณ์ที่ผมไม่คาดคิดก้อเกิดขึ้น คงด้วยความเมา พี่มดผลักผมเข้าไปติดผนัง หน้าอกทั้งสองบดเบียดกับหน้าอกเปลือยเปล่าของผมอย่างแนบแน่น ก่อนที่ผมจะทันได้ตั้งตัว ริมฝีปากของพี่มดก้อกดลงมาบดเบียดกับริมฝีปากผม .. จากนั้นสติของผมก้อขาดลง ลืมผิดชอบชั่วดี ลืมทุกสิ่งรอบกาย ผมทำสิ่งเลวร้ายที่สุดในชีวิตกับพี่มด อย่างไม่น่าให้อภัย .. สติผมกลับคืนมาอีกครั้งหนึ่ง ภายใต้เสียงร้องครวญครางเจียนจะขาดใจของพี่มด แต่ทุกอย่างมันก้อสายเกินที่จะแก้ไขซะแล้ว อารมณ์ที่อัดอั้นมันไหลออกจากตัวผมอย่างสุดจะควบคุม ผมไม่น่าทำมันลงไปเลย….. .. ผมขอโทษ…. เสียงขอโทษของผมหลุดออกมาจากปากอย่างแผ่วเบา ภายใต้เสียงสะอื้นและน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างไม่ขาดสาย ผมกอดกระชับพี่มดอย่างสำนึกผิดในการกระทำของตัวเอง แต่เลือดที่ไหลออกมาเต็มขาของพี่มดทำให้ผมตกใจแทบสิ้นสติ .. หลังจากคุณหมอรับตัวพี่มดเข้าห้องฉุกเฉินแล้ว ผมทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้อย่างหมดแรง คงเป็นครั้งแรกของพี่มดที่เจอเรื่องเลวร้ายเช่นนี้ พี่มดจะให้อภัยผมหรือเปล่านะ หากพี่มดแจ้งความกับตำรวจผมจะทำอย่างไรดี ผมไม่น่าทำกับพี่มดอย่างนี้เลย แต่ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ร่างกายมันทำไปตามความต้องการของมันเอง แล้วผมจะบอกเรื่องนี้กับพี่สาวอย่างไร? .. พี่สาวยืนจ้องหน้าผมด้วยแววตาที่ยากเกินจะบรรยาย ผมนั่งก้มหน้าปล่อยเสียเบาๆ เล็ดลอดออกจากปากอย่างยากเย็น “ผมขอโทษครับพี่”

พี่ก้อรู้ว่าผมเกลียดกะเทยมาก “ผมลืมตัวถีบพี่มดตกบันได” ผมทำไปอย่างไม่รู้ตัวจริงๆ ครับ ………. ……. ….. (เพราะรู้….ข้าจึงปล่อยนังมดไว้กับแก…..คิดไม่ถึงจริงๆ…พี่สาวรำพึงเบาๆ) .. ……นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า…..กะเทยควรระวังชายกล้ามใหญ่….เหอ…เหอ…

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม