วันเสาร์ที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2551

คอลัมภ์คำถามยอดนิยมทุกยุคทุกสมัย ' เสพสมบ่มิสม ... โดยหมอ นพพร '

( อายุต่ำกว่า 18 ห้ามอ่าน )


ถาม - คุณหมอค่ะ กรณีผู้หญิงขนเยอะจะเป็นอันตรายหรือป่าวค่ะ

ตอบ - เป็นครับ เป็นอันตรายต่อผู้หญิงและผู้ชายด้วยครับ

ถาม - คุณหมอค่ะ ช่วยยกตัวอย่างที่ว่าอันตรายได้ป่าวค่ะ จะได้ป้องกันค่ะ

ตอบ - เวลาดันขาจะเก็ง มือจะสั่น เหงื่อจะออกเยอะมาก ทำให้หมดแรงเมื่อดันเสร็จ และทำให้ฝ่ายชายดันลำบากด้วยครับ

ถาม - แล้วจะป้องกันได้อย่างไรค่ะ

ตอบ - ไม่ยากครับ ให้ผู้หญิงประคองอยู่ด้านหลัง ส่วนผู้ชายให้ดันอยู่ด้านหน้า

ถาม - คุณหมอพอจะมีภาพตัวอย่างเวลาขนเยอะ ๆ หรือป่าวค่ะ

ตอบ









วันอังคารที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2551

เปลวสีเงิน:เมื่อพันธมิตรยกทัพขับ'หุ่นไล่กา'

2 มิถุนายน 2551 กองบรรณาธิการ

เสียใจ ด้วยครับ..นายสมัคร ภาวะผู้นำของท่านหมดเสียแล้ว ในขณะที่ฝ่ายมวลชนพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย "สูญสิ้นความชอบธรรม" ที่จะชุมนุมต่อ

แต่ด้วยการสำเร็จความใคร่ทางปากเมื่อเช้าวันเสาร์และ อาทิตย์ วิวาทกรรมปะทะ "กลับกลอก" ของท่านนั้น เข้าสู่เงื่อนไขที่สมาชิก "พรรครัฐบาลทั้ง ๖ พรรค" ต้องพิจารณาด่วนแล้วว่า

สมควรจะให้คนที่มีอาการ "ป่วยทางจิต" เช่นนี้ เป็นผู้นำในการบริหารประเทศต่อไปหรือไม่?

ผม บอกได้คำเดียวว่า "อันตรายอย่างยิ่ง" ที่จะให้ผู้มีความสับสนทางจิตกระเดียดไปในทางเผด็จการ "อาชญากรอำนาจ" และ "ตกยุค" แล้วเช่นนี้ ดำรงฐานะผู้ควบคุมทิศทางต่อไป

ใน "หัวเลี้ยว-หัวต่อ" ของเส้นทางประเทศที่กำลังเปลี่ยนผ่านสู่ "มิติโลกศตวรรษใหม่" ทั้งด้าน เศรษฐกิจ ชีวิต สังคม และความเป็นบุคลิกเอกลักษณ์แห่งความเป็นชาติ!

๖ พรรครัฐบาล ทั้งพลังประชาชนผู้เป็นพรรคแกน และพรรคร่วมคือ ชาติไทย เพื่อแผ่นดิน รวมใจไทยชาติพัฒนา มัชฌิมาธิปไตย ประชาราช ถึงจุดต้องปรึกษาหารือ และใคร่ครวญกัน "จริงจัง" แล้วว่า

จะเชิดนายสมัครไว้ เพียงเพื่ออาศัยเป็นเชื้อให้รัฐบาลดำรงอยู่ เพื่อตัวเองจะได้ร่วมเกาะอำนาจเปื่อยเน่าไปชั่วมื้อ-ชั่วคราว

หรือเราจะเอา "ทางยาว" ของความเป็นประเทศชาติไว้ ด้วยการกำจัดหัวหน้ารัฐบาลที่ส่อว่าพิการทางจิตนี้ออกไป?

เพื่อรักษาความพร้อมในทรัพยากรบนโอกาสของไทยที่ "คนทั้งโลก" มองเห็น แต่พวกเราคนไทยกันเองแหละที่ "มองไม่ค่อยเห็น"

ไม่อย่างนั้น แขกซาอุฯ แขกดูไบ จะขยายอาณาจักรเงินเข้ามาเลียบเคียง ทำนา ทำแลนด์บริดจ์ ต่างๆ นานา และทั้งซื้อที่ดินในประเทศไทยทำไม

ถ้าเขามองไม่เห็น "โอกาสทอง" จากแผ่นดินไทยกองอยู่ตรงหน้า?

ป่วยการ คิด ป่วยการพูด และเปล่าประโยชน์ที่จะเถียงกันว่า "ใครแพ้-ใครชนะ" ในเกมประชาธิปไตยกลางถนนครั้งนี้ เพราะจิตวิญญูชนตอบตัวเองได้แล้วว่า

ในอำนาจที่ไม่สร้างความชอบธรรม และไม่สร้างเสถียรภาพแห่งศรัทธาบนการแก้ปัญหาชาติ-ประชาชนให้ประจักษ์ จะมีหน้าอยู่ทำไม

ป่วยการอ้างเพิ่งมาเป็นรัฐบาล ๓ เดือน ๔ เดือนเพื่ออยู่!

ก็ แค่ ๓ เดือน ๔ เดือน ยังส่อว่าอนาคตประเทศชาติ และความเป็นอยู่ของประชาชนยังวิบัติขนาดนี้ แล้วขืนปล่อยให้นายกรัฐมนตรีคนนี้อยู่ถึง ๓ ปี ๔ ปี

กลียุคแผ่นดินจะไม่เกิดจากลิ้นเฒ่าเลี้ยงแกะคนนี้หรือ!?

คำ พูดนายกฯ คือคำสั่งทางกฎหมายอย่างหนึ่ง แต่พูดไปวันหนึ่ง รุ่งขึ้นมาตวัดลิ้นไปอีกอย่างหนึ่ง จะเป็นพูดด้านผิด-ด้านถูกอะไรก็เรื่องหนึ่ง แต่เมื่อพูดแล้ว "ไม่รับผิดชอบ" ในคำพูดนั้น

กลับแชเชือน สับปลับ เลื่อนเปื้อน ไปอีกทาง ซึ่งพฤติกรรมอย่างนั้น ไม่เพียงคนไทย แต่คนทั้งโลกที่รับทราบผ่านระบบสื่อสาร จะไม่เกิดเป็นทัศนคติ "มุมหยาม" ต่อประเทศไทยผ่าน "พฤติกรรมสับปลับ" ของคนเป็นผู้นำดอกหรือ?

ตอนนี้ สังคมโลกเขายิ่งประณามไทยผ่าน "คำมั่นสัญญา" ที่ไม่ค่อยจะรักษากันอยู่ด้วยว่า คนไทยกะล่อน พูดจาเชื่อถือไม่ได้

เห็น ชัดจากอดีตนายกฯ ทักษิณ ไปจับมือเซ็นสัญญากับอินโดฯ มาเลย์ ทำโอเปกยาง ห้ามใครขายก่อนที่จะได้ตกลงกัน ปรากฏว่า เซ็นปุ๊บ กลับมาปั๊บ รุ่งขึ้น ไทยเทยางขายหมดสต็อก รวยคนเดียวหน้าตาเฉย

เขาด่า (แม่) หมดความเชื่อถือมาจนถึงเดี๋ยวนี้!

แล้วนี่..มานายกฯ นอมินีทักษิณ พูดอะไรแต่ละครั้ง "ปลิ้น" เป็นไข่ไปได้ทุกองศา ซึ่งเป็นเรื่องน่าห่วงด้านภาพพจน์ประเทศเอามากๆ

และ ต้องยอมรับกันด้วยว่า การออกโทรทัศน์ประกาศกร้าวถึงทหาร-ตำรวจของนายสมัครเมื่อเช้าวันเสาร์ที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๕๑ เป็นจุดอัปยศของประชาธิปไตยไทย

ยิ่งกว่ามีใครออกมาประกาศ "ปฏิวัติ" เสียอีก!!

เพราะ ปฏิวัติ ทุกคนก็รู้ว่า คืออำนาจเถื่อนเพื่อการปกครอง ไร้กฎ ไร้กติกาจากรากฐานประชาธิปไตย มันจะมาจากความพอใจ ความต้องการของคณะบุคคลผู้ก่อการเท่านั้น

แต่ทุกครั้ง รัฐบาลที่อ้างว่ามาจากประชาธิปไตยนี้ ก็เที่ยวแหกปากว่า "ผมมาจากการเลือกตั้ง"

แต่พฤติกรรมบริหาร ทำเยี่ยงอำนาจเผด็จการเถื่อน หรือหยาบกร้าน-ด้านหนากว่านั้นด้วยซ้ำ!

มีมั้ย..ประชาธิปไตยที่รวบหัว-รวบหางแก้รัฐธรรมนูญให้ "นาย" มันคนเดียว!

ประชาธิปไตย ใต้หนังเต่า ที่หาจิตสำนึกเอื้อเฟื้อต่อระบอบประชาธิปไตยแท้จริงไม่พบ แล้วแบบนี้ "มีความชอบธรรมอะไร?" ที่จะไม่ให้ประชาชนประธิปไตย ทั้งในถนน และในมุมเงียบ

ออกมาขับไล่!?

ที่อ้างว่า "เงื่อนไขชุมนุมหมดไปแล้ว" เพราะนายจักรภพ เพ็ญแข ลาออกไปแล้ว และญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญตกไปแล้ว นั่นก็มีน้ำหนักให้ต้อง "หยุดตั้งสติ" เพื่อใคร่ครวญได้อยู่

แต่ถ้ามองให้แตก ในความไม่เคยอยู่กับร่องกับรอยของรัฐบาลนี้ ใครก็จะยึดการลาออก และการที่ญัตติตกไป ถือเป็นจริง-เป็นจัง แล้วเลิกชุมนุมไม่ได้เด็ดขาด

ขืนเลิก ฝ่ายรัฐบาลก็จะนั่งหัวเราะกันว่า "ไอ้พวกพันธมิตรฯ หน้าโง่ แค่นี้มันก็เสียทีเชิงกล ถอยทัพกลับไปแล้ว!"

เพราะอะไร..เอ้า..มองให้ดี ที่นายจักรภพออก ไม่ใช่เพราะนายสมัคร ในฐานะหัวหน้ารัฐบาลให้ออก แต่นายจักรภพ "ลาออก" ด้วยตัวเขาเอง

และ ที่ญัตติตกไป ไม่ใช่เพราะ ส.ส.พลังประชาชนที่นายสมัครเป็นหัวหน้าพรรคไปถอนชื่อในญัตติ หากแต่ว่า "ส.ว.จำนวนหนึ่ง" ต่างหาก ไปถอนชื่อจนเป็นผลให้ญัตติตกไป

ฉะนั้น ทั้ง ๒ ประเด็นนี้ รัฐบาลนำมาอ้างเป็นความชอบธรรมของตนว่า เป็นผู้สลายเงื่อนไขไม่ได้เลย เพราะด้วยตัวรัฐบาล ด้วยความเป็นพรรคพลังประชาชน

ไม่ได้ทำอะไรที่ส่อว่าเป็นผู้ "สลายเงื่อนไข" นั้นเลย!?

ตรง กันข้าม ในทันทีที่ทราบว่า สมาชิกวุฒิสภาไปถอนชื่อจนญัตติตกไป ก็รีบประชุมพรรค ลงมติให้ ส.ส.พลังประชาชน ๑ ใน ๕ เข้าชื่อเสนอเป็นญัตติขอแก้ไขรัฐธรรมนูญขึ้นไปใหม่

ก็ชัดเจนว่า นายสมัคร-พลังประชาชน หาได้สำนึก และมีความรับผิดชอบต่อความรุนแรงที่จะเกิดกับประเทศชาติ-ประชาชนตามที่อ้าง ไม่ เงื่อนไขชุมนุม เงื่อนไขความขัดแย้ง "คนอื่น" เขาถอดไปให้แล้ว

แต่ตัวเองกลับ "สร้างเงื่อนไข" ขึ้นมาใหม่อีก!

สำหรับ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ถือว่าโชคดีที่ได้นายสมัคร "เป็นลูกจ้างจุดไฟ" สร้างเงื่อนไขปลุกเร้าให้มวลชนออกมาร่วมชุมนุมอยู่ต่อ โดยยึด "อหังการเถื่อนๆ" ทางจอโทรทัศน์วันเสาร์เป็นความชอบธรรมที่จะสู้กับอธรรมเถื่อนนั้น

แต่ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ทำเพื่อสังคมประชาธิปไตย ทำเพื่อรักษาความเป็นประเทศชาติ-ประชาชนไทยภายใต้สถาบัน ชาติ-พระพุทธศาสนา-พระมหากษัตริย์ใช่ไหม?

ฉะนั้น เหตุผล-เสียสละ-รับผิดชอบ ต้องอยู่เหนือหน้าตา อยู่เหนือคำว่าแพ้-ชนะ อยู่เหนือการได้-การเสีย

ฆ่ายุง-ที่กัดหน้าผากด้วยฝ่ามือตบ แค่นั้นก็สมเหตุผล

แต่ ถ้า ฆ่ายุง-ที่กัดหน้าผากด้วยการเอาปืนยิง ก็ช่วยกันตรองดูด้วยว่า บ้า หรือดี ถึงยุงตาย แล้วชาวเรา-คือคนไทยทั้งหมด จะอยู่กันได้มั้ย?

มวลชน ที่สู้ชนะ ไม่เคยปรากฏว่าชนะเพราะคนมากกว่า อาวุธมากกว่า เหิมเกริมมากกว่า มีอำนาจมากกว่า แต่ที่ชนะ เพราะฝ่ายที่มีอำนาจปกครองมากกว่า ใช้อำนาจนั้นไปในทางที่ "เลวร-ยำกว่า" ต่างหาก

ดังนั้น สิ่งที่ด้อยกว่าทุกด้าน แต่เป็นสิ่งที่ชอบ กอปรด้วยธรรม ชนทั้งมวลจึงยอมเดินตาม "ธงธรรม" ซึ่งไม่เคยลดต่ำ เพราะธรรมคืออำนาจเท่านั้น คืออำนาจแท้จริง

ไม่จำเป็นต้องฆ่า "ศัตรูที่ลอดหว่างขาหนีตาย" หรอกครับ หน้าที่ของการเมืองภาคประชาชน สำหรับนักการเมืองและรัฐบาลที่อสัตยธรรม ทำแค่นี้ก็ "สมหน้าที่" แล้ว

ไม่ ต้องถางป่าประชาธิปไตยทั้งป่า เพื่อไล่ล่าสัตว์ตัว-สองตัวหรอก รักษาประชาธิปไตยไว้ นั่นคือ การเปลี่ยนแปลงรัฐบาล ควรให้ "จิตสำนึก" ของคนในกลไกรัฐบาล รัฐสภา และกฎหมาย เขารับไม้-ทำหน้าที่กันต่อไป

ขืนพันธมิตรฯ ก้าวข้ามเส้นแบ่งนี้ออกไป นั่น..บางทีตัวเองก็ไม่เป็นประชาธิปไตยแล้ว!

ไม่ ให้โอกาสนายสมัคร แต่ให้เวลา "พรรครัฐบาล" เขาสักระยะสิครับ แล้วพันธมิตรฯ พักการชุมนุมภาคท้องถนนไว้ก่อน คอยเฝ้าระวังใกล้ชิดภายใต้เงื่อนไขว่า

๑.ฝ่ายรัฐบาลจะยังดื้อรั้นยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญ และทำประชามติอีกหรือไม่?

๒.พรรคร่วมรัฐบาลจะมีท่าทีอย่างไร ถ้าพลังประชาชนไม่เปลี่ยนตัวนายกฯ?

ครับ.. ชุมนุมยืดเยื้อด้วยเงื่อนไข "ขับไล่รัฐบาล" ฟังแล้วกว้างไป แย้งเงื่อนไขประชาธิปไตยตัวเอง ขืนยึดเป็นเงื่อนไขชุมนุม นานไป-ความชอบธรรมจะเทกลับไปที่ฝ่ายรัฐบาล แล้วพันธมิตรฯ ก็จะกลายเป็น "ฉลาด ๒" ต้องต่อกรงเข้าไปนอนประท้วงอยู่คนเดียว อย่าลืม..ยกนี้ "การเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง" ไม่มีรถถังเป็นระฆังช่วย สัปดาห์หน้า "บอลยูโรฯ" มา มวลชนก็จะพากันไปเฮ ออมแรงไว้สิงหา.ดีกว่า โหรบอกว่า "องศายังไม่ถึงครับ".
เปลวสีทอง

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม