วันพฤหัสบดีที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2550
ผู้ชายไม่กินเหล้า ....
" พี่ขอเงินสัก 20 ซิผมยังไม่กินข้าวเลย " ขอทานเอ่ยปาก
ชายหนึ่งหยุดกึ่ก........ แล้วบอกว่า
" เอาอย่างนี้ ไปกินเหล้ากับพี่ พี่เลี้ยงเอง "
ขอทานบอก " ไม่เป็นไรครับพี่ ผมไม่กินเหล้า "
ชายหนุ่มเลยบอก " นั้นไปเล่นม้ากับพี่ไหม พี่ออกทุนให้ "
ขอทานก็ยังปฎิเสธ " ผมไม่เล่นการพนันคับ "
ชายคนนี้เลยถามต่อ " เอาอย่างนี้นั้น พี่พาไปลงอ่างดีกว่า "
ขอทานก็ตอบอีกว่า " ผมไม่เที่ยวผู้หญิงด้วยคับ "
ชายหนุ่มเลยยิ้มนิดๆๆ เหมือนถูกใจแล้วถามว่า
" เมื่อกี้น้องขอตังค์ พี่เท่าไรนะ"
ขอทานบอก : 20 ครับพี่
ชายหนุ่มเลยก้มหน้าไปกระซิบว่า : เอางี้แล้วกันพี่ให้น้อง 200 เลย
ไปที่บ้านกับพี่หน่อยเด้อ !!!
ขอทานทำหน้า งงงง : ทำไมเหรอคับ พี่
ชายหนุ่มควักตังค์ แล้วพูดว่า : ไปให้เมียพี่มันดู หน่อยว่ะ ว่าคนที่ไม่กินเหล้า ไม่เล่นการพนัน ไม่เที่ยวผู้
หญิงนะ สภาพมันเป็นอย่างไร..
--
จัดไป อย่าให้เสีย...... �
คืนที่ฟ้าฉ่ำฝน
ตาเดินตรงไปที่เคาน์เตอร์สั่งอาหารชุด และชำระเงินอย่างคุ้นเคย
ก่อนพายายไปเลือกหาที่นั่งริมในสุดของร้าน
ตายายช่วยกันนำอาหารออกจากถาด ตาค่อย ๆ แบ่งแฮมเบอร์เกอร์ออกเป็น 2 ส่วน
เอาเฟรนช์ไฟร์ออกมานับครึ่ง และจัดวางไว้ดูน่ารับประทานข้างหน้ายาย คว้าแก้วโค้กมาจิบหนึ่งอีก ส่งให้ยายรับไปจิบหนึ่งอึกก่อนจะวางไว้ตรงกลางเบื้องหน้าทั้งคู่
ขณะที่ตาเริ่มกินแฮมเบอร์เกอร์ส่วนของตนอยู่
บรรดาลูกค้าในร้านที่จับตาดูคู่ตายายมาตั้งแต่ต้นเริ่มรู้สึกกระสับกระส่าย หลายคนสะกิดกันพลางกระซิบ ......
"น่าสงสารจังแกคงมีเงินพอซื้อได้แค่ชุดเดียวมาแบ่งกันมั้ง"
ชายหนุ่มโต๊ะข้าง ๆ ถึงกับเดินเข้ามาหาพร้อมเสนอตัวขอเป็นเจ้ามือซื้อให้อีกชุดอย่างสุภาพ ตายิ้มรับความมีน้ำใจ แต่ปฏิเสธอย่างนุ่มนวลว่า
"ไม่เป็นไรหรอกมีอะไรเราก็ต้องเอามาแบ่งกันอยู่แล้ว"
เวลาผ่านไป ทุกคนเริ่มสังเกตว่า ยายได้แต่นั่งนิ่งจ้องมองตากินแฮมเบอร์เกอร์อย่างเอร็ดอร่อย ไม่ยอมแตะต้องส่วนของตน นอกจากหยิบโค้กขึ้นมาจิบ ชายหนุ่มคนเดิมตัดสินใจเข้ามาหาอีกครั้ง เอ่ยขอร้องให้เขาได้เลี้ยงคู่ตายายที่น่ารักนี้เถอะ คราวนี้ยายเป็นฝ่ายปฏิเสธอย่างอ่อนหวาน ยืนยันเหมือนเดิมว่ามีอะไรก็ต้องเอามาแบ่งกัน
เมื่อตารับประทานเสร็จ ขณะหยิบกระดาษมาเช็ดปาก
ยายก็ยังคงนั่งนิ่งดูสามีสุดที่รักอยู่อย่างนั้นราวกับกลัวว่าเขาจะไม่อิ่มจริงๆ ชายหนุ่มคนเดิมก็อดรนทนไม่ได้อีก เอ่ยปากอย่างจริงจังขอตายายอนุญาตให้เขาเลี้ยงสักครั้ง แต่ก็ถูกปฏิเสธอย่างสุภาพอีก ... ชายหนุ่มนึกสงสัย
"ทำไมคุณยายไม่รับประทานบ้างเลยครับ ก็ไหนบอกว่ามีอะไรก็ต้องเอามาแบ่งกันไง
คุณตาก็ทานเสร็จแล้ว ยังรออะไรอยู่หรือครับ? "
คุณยายตอบเนิบ ๆ ??
"รอฟันปลอมจากตาน่ะหลานชาย..." (แหะ ๆๆ)
วันพุธที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2550
ความยิ่งใหญ่ของเทคโนโลยีไทยในอดีต
หลังจากนั้นอีกสามสัปดาห์ นักวิทยาศาสตร์และนักวิจัยของอังกฤษก็ไม่ยอมแพ้ เริ่มทำโครงการแห่งชาติขุดเจาะพื้นใต้หอคอยลอนดอน หลังจากขุดลึกลงไปได้ราว 2,000 เมตร ก็ต้องพบกับความน่าตื่นตาตื่นใจ เพราะทีมนักสำรวจได้ขุดกระแทกเข้ากับเศษวัสดุบางอย่างคล้ายพลาสติกใสแข็งเหมือนแก้วกระจัดกระจาย ไม่รอช้านักวิจัยและนักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษนำตัวอย่างชิ้นส่วนที่ได้เข้าอาคารวิจัยแห่งชาติ หลังจากนั้นอีก 2-3 วันต่อมานายกรัฐมนตรีของอังกฤษก็ออกมาประกาศความภูมิใจของคนทั้งชาติว่า ชาวอังกฤษเป็นชาติแรกที่ริเริ่มการนำเคเบิลใยแก้วนำแสงมาใช้ในการติดต่อสื่อสารข้อมูลกว่าสองพันปีมาแล้ว
หลังจากนั้นต่อมาอีกหลายสัปดาห์ นายกรัฐมนตรีของประเทศไทยที่ได้นั่งคิดนอนคิดมานานก็ออกมาประกาศโครงการขุดพื้นดินใต้ทำเนียบรัฐบาลว่าจะต้องหาสิ่งที่คนไทยทำในอดีตออกมาให้ชาวโลกรับรู้ถึงความยิ่งใหญ่ของเทคโนโลยีไทยให้ได้ หลังจากนักการเมืองและนักทำนายดวงได้เริ่มว่าจ้าง กทม ขุดพื้นใต้ตึกทำเนียบฯ ไปได้สัก 3,000 เมตร นักขุดเจาะตัวกลั่นก็ยังไม่ค้นพบเศษซากอะไรนอกจากคราบน้ำลายใต้ตึก นักการเมืองและหมอดูเริ่มปรึกษาหารือกันในทำเนียบอย่างเคร่งเครียด หลังจากนั้น 3-4 ชั่วโมง ก็ออกมาประกาศผ่านวิทยุกรมประชาสัมพันธ์และ โทรทัศน์รวมกันกินเฉพาะกิจว่า ชาวไทยก็มีเทคโนโลยีก้าวหน้าไม่น้อยกว่าชาติใดๆ หลังจากเราขุดไม่พบสิ่งใดๆที่ลึกลงไปกว่าสามพันเมตรเป็นสิ่งที่พิสูจน์ได้ว่า ชาติไทยมีการใช้เทคโนโลยี wireless และการสื่อสารผ่านดาวเทียมมากว่าสามพันปีเป็นอย่างต่ำ สมควรที่เราจะภาคภูมิใจอย่างยิ่ง
ผมและเธอบนทางเส้นขนาน
- เธอบอกว่าความรักเหนียวแน
- ผมไม่พกมือถือ ด้วยเหตุผลว่า พระนเรศวรทรงกู้เอกราชได้โดยไม
- เธอพกมือถือ 2 เครื่อง ด้วยเหตุผลว่า ที่ไทยเสียเอกราชไปเพราะไม่ม
- ผมใส่กางเกงตัวละ 129 บาท ด้วยเหตุผลว่า จะยี่ห้ออะไรก็ปิดไอ้นั่นได้ม
- เธอใส่กระโปรงราคาตัวละหลายพ
- ผมไม่รู้หรอกว่าคุณค่าทางอาหารระ
- เธอไม่รู้หรอกว่าคุณค่าทางอาหารร
- ผมใช้ปากกาด้ามละ 5 บาท ด้วยเหตุผลที่ว่า ยังไงมันก็เขียนได้ และมันมักจะหายไปทุกครั้งก่อนที
- เธอใช้ปากกา ยี่ห้อ cross ด้วยเหตุผลที่ว่า ยังไงมันก็เขียนติดกระดาษไม่ต
- ผมชอบทำงานอิสระ ทำตามจินตนาการของตัวเอง ไม่ต้องให้ใครบังคับ ไม่ต้องผูกมัดกับระบบ
- บัตรตอกทำงานของเธอไม่เคยขึ้นต
- ผมรักตัวของผมเองมากกว่าใคร ๆ ด้วยเหตุผลว่า ไม่ว่าเราจะทำดีเพื่อใคร ๆ มากมายขนาดไหนความสุขทางใจที
- เธอรักครอบครัวของเธอมากกว่าสิ
- คลื่นทะเลให้ปรัชญาแก่ผมว่า หาดทรายจะแปรเปลี่ยนไปทุกครั
- คลื่นทะเลให้ปรัชญาแก่เธอว่า ไม่ว่าน้ำทะเลจะขึ้นจะลงอย่างไร คลื่นก็ยังขยันซัดกระทบฝั่ง
- ผมบอกว่าถ้าไม่มี "ความว่าง" แล้ว "ความมี" ก็ไร้ความหมาย เพราะความมี ต้องวางลงบนความว่าง
- เธอบอกว่าถ้าไม่มี "ความมี" แล้ว "ความว่าง" จะมีประโยชน์อะไร มันคงไร้ความหมาย เพราะมีความมี ความว่างจึงก่อเกิดการเปรียบเท
- คนอื่นบอกว่า ผู้หญิงรักผู้ชายจาก 0-100 แต่ผู้ชายรักผู้หญิงจาก 100-0
- ผมแย้งว่าผู้หญิงรักผู้ชายแค่ 0-1 เหมือนไบนารี่ ทำดีมากมายขนาดไหนก็เป็นเพียงแค่ 1 หากผิดพลั้งไปจะเหลือเพียง 0
- เธอแย้งว่าผู้หญิงรักผู้ชายไม
- ผมมองคนที่ความคิด
- เธอแย้งว่าความคิดไม่ใช่นิสัย
- ผมเหมือนกับแก้วใส ๆ จะเห็นคุณค่าตัวเองก็ต่อเมื่อม
- เธอเหมือนกับน้ำใส ๆ เธอจะอยู่ได้อย่างไรหากไม่ม
- ผมและเธอเหมือนดั่งเส้นขนาน ที่ไม่มีวันจะมาบรรจบกัน
- ผมและเธอเหมือนดั่งเส้นขนาน ถึงแม้จะไม่มีวันบรรจบกัน แต่เราก็จะตีคู่ไปด้วยกันเสมอ
เพราะเธอชอบกินไข่แดง แต่ผมชอบกินไข่ขาว เราจึงอยู่ด้วยกันได้ ในไข่ใบสีน้ำเงินแห่งนี้
กฎ น่ารัก ๆ กวนๆ
> >เพราะมันมักเลวร้ายกว่าที่ควร เช่น ขับรถมาเป็นสิบปีไม่เคยชนอะไร
> >แต่พอถูกขอร้องให้ถอยรถเพื่อนออกจากซอยไม่ถึง 30 เมตร
> >กลับชนเสาไฟฟ้าโครมใหญ่
> >
> >เหตุการณ์เลวร้ายเกิดเหมือนสวรรค์แกล้งนี้ เกิดบ่อยกับทุกคน
> >จนมีผู้ตั้งเป็นกฎไว้ เรียกว่า "กฎของเมอร์ฟี่" ความว่า
> >
> >"ถ้ามันเคยผิดพลาด มันก็จะผิดซ้ำอีก"
> >
> >นอกจากกฎของเมอร์ฟี่ ยังมีกฎอื่นๆที่มีผู้สังเกตพบมากมาย
> >สมควรรวบรวมไว้ดังนี้
> >
> >1. กฎความเป็นไปได้
> >ขนมปังทาเนยที่พลัดตกพื้น จะเอาหน้าด้านที่มีเนยคว่ำลงเสมอ
> >และโอกาสที่เนยตกเปื้อนพรม จะมีมากขึ้นเป็นสัดส่วนกับราคาของพรม
> >
> >2. การดูดวง
> >หมอดูมักทายหลายเรื่องทั้งดีและเลว
> >แต่เรื่องที่แม่นที่สุดคือเรื่องที่เลวที่สุด
> >
> >3. กฎแห่งความแม่นยำ
> >หากขว้างก้อนหินสะเปะสะปะ มันจะพุ่งตรงเข้าหาวัตถุที่มีราคาแพงที่สุด
> >
> >4. กฎของหาย
> >ของใช้ที่เราเห็นทุกวันจะหายต่อเมื่อเราต้องการใช้มัน
> >
> >5. กฎของเมธี
> >เลขเด็ดที่เราไม่ซื้อ คือ เลขที่จะออกงวดนั้น และ
> >หวยที่เราซื้อมักใกล้เคียงกับ
> >หวยที่ออก หากได้บวกลบคูณหารด้วยเลขอะไรสักตัว หรือกลับหน้ากลับหลัง
> >แต่ถ้าเราซื้อเลขกลับ มันจะออกเลขตรง และ ถ้าเราซื้อทั้งสองแบบ
> >..มันจะไม่ออกเลย
> >
> >6. กฎแรงโน้มถ่วง
> >วัตถุ 2 ชิ้นน้ำหนักไม่เท่ากัน
> >จะตกถึงพื้นด้วยความเร็วขนาดที่ทำลายทรัพย์สินได้มากที่สุด เท่าๆกัน
> >
> >7. ข้อพิจารณาในการเลือกซื้อหนังสือ
> >หนังสือปกสวย ..เนื้อในมักห่วย
> >หนังสือปกขี้เหร่ ..เนื้อในห่วยกว่า !!
> >
> >8. กฎห้ามพูด
> >คนไทยรู้จักกฎนี้ดี จนมีสุภาษิตว่า "เข้าป่าอย่าเรียกหาเสือ"
> >กฎมีว่า ทันทีที่คุณพูดแสดงความคาดหวัง
> >ถ้าหวังสิ่งเลวสิ่งเลวจะมาหา
> >และถ้าหวังสิ่งดี.. สิ่งเลวก็จะมาหา
> >
> >9. กฎของโฮว์ (Howe's Law)
> >มนุษย์ทุกคนมักจะทำอะไรไม่สำเร็จ
> >
> >10. กฎของไซเมอร์กี้
> >ถ้าคุณรื้อชิ้นส่วนออกมาประกอบใหม่จะมีน็อตเหลือเสมอ
> >
> >11. ข้อสังเกตของอีตัวร์
> >รถเลนข้างๆ มักเคลื่อนตัวดีกว่าเลนของเรา
> >
> >12. กฎการแก้ปัญหา
> >ในปัญหาใหญ่ๆ ที่เป็นอุปสรรคให้เราแก้ มักมีปัญหาเล็กๆ อยู่ภายใน
> >ซึ่งพร้อมจะขยายตัวแทนที่ทันทีที่ปัญหาใหญ่ได้รับการแก้ไขลุล่วง
> >
> >13. กฎทอง
> >คนมีทองคือคนออกกฎ
> >
> >14. ธรรมชาติของมนุษย์
> >มนุษย์เรามีสองประเภท
> >ประเภทแรก คือ คนที่ชอบแยกคนเป็นสองจำพวก
> >ประเภทที่สอง คือ คนที่รังเกียจพวกแรก
> >
> >15. กฎยิ่งน้อยยิ่งดีของซีกัล
> >คนที่มีนาฬิกาเรือนเดียว จะรู้เวลาแน่นอน
> >คนที่มีนาฬิกาเพิ่มมาอีกเรือน จะไม่แน่ใจว่า เวลาใดถูกต้อง
> >
> >16. กฎการใช้เวลาเหลื่อมล้ำ
> >การเริ่มต้นงานเป็นสิ่งยาก
> >เพราะงาน 90 % แรก จะกินเวลาไปถึง 90% ของเวลาในโครงการ
> >ส่วนงาน 10% ที่เหลือจะกินเวลาอีก 90% ของเวลาในโครงการ
> >
> >17. กฎของโอ'รีลลี
> >สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ในโลกนี้ คือ การทำโต๊ะทำงานให้สะอาด
> >
> >18. กฎของลีเบอร์แมน
> >นักการเมืองทุกคนโกหก แต่ไม่เป็นไรเพราะไม่มีใครฟังใคร
> >
> >19. กฎน้ำพริกถ้วยเก่า
> >เสื้อผ้าตัวเก่งจะเก่าซอมซ่อทันทีที่เราได้ตัวใหม่
> >
> >20. ข้อเท็จจริงขององค์กร
> >ในทุกหน่วยงานมักมีพนักงานคนหนึ่งและคนเดียว
> >ที่มองเห็นปัญหาที่แท้จริงขององค์กร และคนๆ นี้จะถูกไล่ออกเสมอ
> >
> >21. กฎการโต้เถียง
> >คนที่พูดน้อยคือคนที่รู้มาก
> >
> >22. กฎการทำงานเป็นทีม
> >เมื่องานยุ่งยาก ทุกคนผละหนี
> >
> >23. กฎการมองโลก
> >มนุษย์ สามสิบคนในร้อยคน ชอบมองโลกในแง่ร้าย
> >ส่วนที่เหลือ...มองร้ายกว่า
วันศุกร์ที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2550
ยุงและความรัก
คนหิวโหย.. ความรัก จึงออกตามหารักอุ่น ๆ รองใจ
ศิลปะการดื่มเลือดของยุง คือ ค่อย ๆ ย่อง อุ๊ย!! บินซิเนอะ
บินเข้าไปในมุมมืด
บรรจงแทงปากทะลุทลวงผ่านผิว เข้าไปดูดเลือดอุ่น ๆ ของคุณ
โดยคุณไม่รู้ตัว
ศิลปะความรัก คือบรรจงแทรกแซง ชอนไช ทะลุทลวงความรู้สึก
เข้าไปฝังลึกอยู่ในหัวใจ ของคุณอย่างช้า ๆ อบอุ่นในหัวใจ
โดยคุณไม่รู้ตัว
กว่าคุณจะรู้ตัว ยุงก็อิ่มแปร้ บินกลับบ้าน
กว่าคุณจะรู้ตัว รักก็มากมายเกินห้ามใจ
ยุงตัวไหน ปากหนัก กัดเจ็บ บินไม่เร็วพอ บินไม่รู้จังหวะ
บินผิดมุมให้คนเห็นหรือรู้ตัวก
น้อยนักที่จะรอดฟันฝ่ามือพ
คนคนไหน ไม่เคยรัก ไม่รู้จักรัก จีบไม่เป็น ไม่มีโอกาส
ไม่รู้กาละเทศะ
และเหตุผลอีกมากมาย นานับประการที่จะหยิบมาเอ่ยอ
ความไม่สันทัดจัดเจนเรื่องรัก ก็น้อยนักที่จะรอดพ้น อาการแห้วไปได้
พอยุงกินอิ่มหนำก็บินจากไป และพร้อมจะกลับมาใหม่เมื่อโหยหิว
ก็เหมือนรักของคนเจ้าชู้อิ
แต่จะกลับมาใหม่เมื่อโหยหา
ถึงจะถูกตบ ถูกฉีดยา ถ้าไม่ตายเสียก่อน
พร้อมจะกลับมาใหม่เมื่อหิวอีกครา
ไม่เข็ดแฮะ
ก็เหมือนคน เจ็บช้ำสักเท่าไหร่ ถ้าไม่ถึงตาย
หัวใจก็ยังโหยหารักอยู่ทุกเมื
ถึงจะกางมุ้ง จุดยากันยุง หรือติดมุ้งลวด
ยุงก็ยังคงเข้ามาได้อยู่ดีแหละ
ความรักก็เหมือนกัน ห้ามใจเท่าไหร่ หลีกหนียังไง
รักก็ยังเล็ดลอดเข้ามาได้อยู่ดี
โรคงอน
"โรคงอน" เป็นโรคระบาดที่ร้ายแรง
ติดต่ออย่างรวดเร็วขยายตัวเป
ยังไม่พบวัคซีนหรือยารักษา
ผู้ป่วยมีอาการ "หน้างอ"
และบางรายที่อาหารหนักจะม
แทรกซ้อนด้วย หูแข็ง
ฟังอะไร ขัดหูขัดใจไปหมด
ตาขวาง น้ำลายไหลเล็กน้อยพองาม (... จริงอ่ะ)
ยังไม่พบหลักฐานที่แน่นอน ว่าผู้ใดนำเชื้อมาปล่อย
โรคนี้ส่งผลให้อุณหภูมิร่างกายส
ผู้ป่วยที่อาการหนักอาจถึงขั้นช
การปฐมพยาบาลเบื้องต้น
ควรสังเกตอาการผู้ป่วย
ว่างอนอยู่ในระดับไหน
ถ้างอนน้อยๆ ให้รีบง้อ
ผู้พบเห็นทั่วไปควรเอาใจใส่ต่อผ
จะทำให้อาการไม่ลุกลาม และสามารถรักษาหายได้
สำหรับผู้ป่วยที่อาการหนัก
ผู้ง้อ ควรได้รับการฝึกสอนและเป็นผู
เพราะผู้ป่วยจิตใจอ่อนแอ เปราะบางแตกหักง่าย
ต้องการความเอาใจใส่
หลังได้รับการรักษาผู้ป่วยที
ยังสามารถอาการกำเริบได้ทุกเวลา
ผู้ใกล้ชิดต้องให้ความรักและความ
หากความรักและความเข้าใจลดน
หมายเหตุ
พบมากในกลุ่มคนที่มีความสวย และความน่ารัก
สำหรับผู้ไม่สวยและไม่น่ารัก
จะเรียกอาการเดียวกันนี้ว่า น่าเบื่อ น่ารำคาญ
จะปล่อยไปตามยถากรรม ( กำ เจง ๆ )
ไม่มีการปฐมพยาบาลใดๆ ทั้งสิ้น
จนกว่าอาการจะหายหรือตายไปเอง..
วันอังคารที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2550
10 วิธี - ฆ่าเมีย (ต้องใจเหี้ยมหน่อยนะ)
2. มันอยากได้เครื่องเพชรก็ซื้อให้มัน พอแสงเพชรมันสะท้อนเข้าตามันมากๆเข้า เดี๋ยวตามันก็จะบอด พอมันตาบอดแล้วเราก็เอามันไปทิ้งที่ไหนก็ได้ มันหาทางกลับบ้านไม่ถูกแล้ว
3. มันชอบรถก็ซื้อให้มัน ยิ่งแพงๆยิ่งดี เครื่องมันแรงดี มันจะได้ขับเร็ว ๆ ความเสี่ยงสูง
4. มันอยากไปเที่ยวไหนก็พามันไป ต้องมีซักที่แหล่ะที่มันพลาดเดินล้มหัวฟาดพื้นตายได้
5. งานบ้านอย่าไปให้มันทำ เราต้องแย่งมันทำให้หมด ไม่เปิดโอกาสให้มันได้ออกกำลังกาย เดี๋ยวมันก็ไม่แข็งแรง แล้วมันก็ตายเอง
6. ต้องพาเมียไปหาหมอบ่อยๆ ดูดิคนไม่ค่อยไปหาหมอไม่ค่อยเป็นไรหรอก คนที่ไปหาหมอบ่อย เดี๋ยว ๆ ก็ตายแล้ว
7. เงินเดือนออกมาเท่าไหร่ให้มันไปให้หมด ใครๆก็รู้ว่าเงินน่ะเป็นที่สะสมเชื้อโรคสารพัด เราแกล้งเอาเชื้อโรคให้มันเก็บไว้เดี๋ยวมันก็เป็นโรคตาย เราเองไม่ต้องเก็บเชื้อโรคไว้ สุขภาพแข็งแรง..เย้
8. ปลูกบ้านหลังใหญ่ๆให้มันอยู่ กว้างๆยิ่งดี เวลาจะเดินจากห้องนั้นไปห้องนี้ทีมันจะได้เหนื่อย เผลอ ๆ อาจหอบตายระหว่างทางได้
9. เช้า-เย็นกราบมันทุกวัน มันจะได้อายุสั้น
10. รักเมียให้มากๆ ไม่เคยได้ยินเหรอ ที่ใดมีรักที่นั่นมีทุกข์ พอมันทุกข์มากๆมันก็ตรอมใจตายเอง
วันจันทร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2550
พระศรีอาริยเมตไตร (พระอชิตเถระ)
ปุพฺพาราเม วสฺสาวาสํ วสนฺโต อชิตตฺเถรํ อารพฺภ ทส โพธิสตฺตาติ อิมํ ธมฺมเทสนํ กเถสีติฯ )
( บัดนี้ จะได้วิสัชนาในเรื่อง พระอนาคตวงศ์ โดยพุทธภาษิตปริยาย มีเนื้อความตามพระบาลีว่า เอกํ สมยํ )
***บาลีและข้อความในวงเล็บทุกแห
พระศรีอาริยเมตไตร (พระอชิตเถระ)
ครั้งหนึ่ง สมเด็จพระสรรเพ็ชญ์พุทธเจ้าเสด
ครั้งนั้น พระองค์ทรงปรารภซึ่งพระอชิตเถระ ผู้หน่อบรมพุทธางกูรอริยเมตไตรยเ
เป็นใจความว่า เมื่อศาสนาพระตถาคตครบ ๕๐๐๐ ปีแล้ว ฝูงสัตว์ก็มีอายุถอยลง คงอยู่ ๑๐ ปีเป็นอายุขัย ครั้งนั้นแล จะบังเกิดมหาภัยเป็นอันมาก มีสัตถันตะระกัปป์ มนุษย์ทั้งหลายจะวุ่นวายเป
.....เมื่อมนุษย์ทั้งหลาย ปลงสัญญาเห็นในกระแสพระกรรมฐานภา
ครั้งนั้น กรุงพาราณสีเปลี่ยนนาม ชื่อว่า เกตุมมะดี โดยยาวได้ ๑๖ โยชน์ โดยกว้างได้ ๑ โยชน์ มีไม้กัลปพฤกษ์เกิดทั้ง ๔ ประตูเมือง มีแก้ว ๗ ประการ ประกอบเป็นกำแพงแก้ว ๗ ชั้นโดยรอบพระนคร ครั้งนั้น มหานฬกาลเทวบุตร ก็จุติลงมาเกิดเป็นสมเด็จบรมจ
จักรแก้ว ๑
นางแก้ว ๑
แก้วมณีโชติ ๑
ช้างแก้ว ๑
ม้าแก้ว ๑
คฤหบดีแก้ว ๑
ปรินายกแก้ว ๑
อันว่าสมบัติบรมจักรนั้นย่อมมีท
ฝ่ายว่า มหาปุโรหิตผู้ใหญ่ของสมเด
ปราสาท ๑ ชื่อว่า ศิริวัฒนะ
ปราสาท ๑ ชื่อว่า สิทธัตถะ
ปราสาท ๑ ชื่อว่า จันทกะ
ปรางค์ปราสาททั้ง ๓ นี้เป็นที่จำเริญพระศิริสวัสด
ครั้งนั้นเปรียบประดุจด
ปางเมื่อองค์สมเด็จพระบรมโพธิส
ครั้งนั้นมหาชนทั
เห็นพระนิพพานอันมิได้รู้แก่ รู้ตาย เป็นธรรมาภิสมัย ให้บังเกิดแก่ฝูงเทพยดาและมนุษย
- พระองค์มีพระวรกายสูงได้ ๘๘ ศอก
- พระองค์ใหญ่กว้างได้ ๒๕ ศอก
- ตั้งแต่พระบาทถึงพระชานุมณฑลม
- ตั้งแต่พระชานุมณฑลขึ้นไปถ
- ตั้งแต่พระนาภีขึ้นไปถึงพระรากขว
- ตั้งแต่พระรากขวัญขึ้นไปถ
- พระรากขวัญทั้ง ๒ แต่ละอันนั้นยาวได้ ๕ ศอก
- อันว่าพระหัตถ์ทั้ง ๒ ซ้าย-ขวานั้น ยาวได้ ๔๐ ศอก ( เข้าใจว่าความยาวจากหัวไหล่ถ
- ในระหว่างภายในแห่งพระพาหาทั้ง ๒ ซ้าย-ขวา นั้นมีประมาณ ๒๕ ศอก
- พระอังคุลีแต่ละอันยาวได้ ๕ ศอก
- ฝ่าพระหัตถ์แต่ละข้างกว้างได้ ๕ ศอก
- พระศอโดยกลมรอบมีประมาณ ๕ ศอก โดยยาวก็ ๕ ศอก
- พระโอษฐ์เบื้องบนเบื้องล่างกว้าง ๑๐ ศอกเสมอกัน เป็นอันดี
- พระชิวหาอยู่ภายในพระโอษฐ์ยาว ๑๐ ศอก
- พระนาสิกสูงยาวลงมาได้ ๗ ศอก
- ดวงพระเนตรทั้ง ๒ โดยกว้างได้ ๗ ศอก
- แววพระเนตรทั้ง ๒ ที่ดำ กลม เป็นปริมณฑลอยู่นั้น มีประมาณ ๕ ศอก
- พระขนงแต่ละข้าง ยาวได้ ๕ ศอก
- ในระหว่างพระขนงทั้ง ๒ กว้างได้ ๔ ศอก
- พระกรรณทั้ง ๒ แต่ละข้าง ยาวได้ ๗ ศอก
- ดวงพระพักตร์นั้นเป็นปริมณฑล กลมดังดวงพระจันทร์เมื่อวันเพ็ญ มีประมาณกลมได้ ๒๕ ศอก
- พระอุณหิสที่เวียนเป็นทักขิณาว
.....ลำดับนี้ จะพรรณนาไม้พระศรีรัตนมหาโพธิต
- มีปริมณฑลไปได้ ๑๒๐ ศอก
- มีกิ่งทั้ง ๕ โดยรอบครอบนั้นก็ได้ ๑๒๐ ศอก
- แต่ต้นขึ้นไปปลายสุดกิ่งนั้นได้ ๒๔๐ ศอก โดยสูง โดยสะกัดเป็นปริมณฑลเหมือนกัน
- มีใบสดเขียวอยู่เป็นนิจจกาล
- ทรงดอกและเกสรหอมฟุ้งขจรมิรู้ขาด เปรียบประดุจดอกปาริชาติ ในดาวดึงสาสวรรค์ก็เหมือนกันฯ
สมเด็จพระสัพพัญญูองค
พระธัมมจักกัปปวัตตนสูตรนั้น มนุษย์และเทพยดาทั้งหลายได้ซึ
อันว่าองค์พระศรีอาร
ครั้งนั้น องค์พระศรีอาริยเมตไตรย ได้เสวยศิริราชสมบัติ ในเมืองอินทปัตต์มหานคร ทรงพระนามว่าบรมสังขจักร มีแก้ว ๗ ประการ อยู่มาในกาลวันหนึ่ง พระเจ้าสังขจักรเสด็จทรงนั่งอยู
ครั้นทรงสดับว่าพระส
เมื่อสมเด็จพระบรมโพธิส
สมเด็จพระเจ้าสังขจ
สมเด็จบรมสังขจักรจอมทว
ครั้งนั้น สมเด็จพระสิริมิตรสัพพัญญูผู
ว่าแล้วหน่อพระพิชิตมารก็อ
ครั้นถึงกึ่งกลางมรรคาหน
องค์สมเด็จพระพุทธเจ้าก
พระองค์ก็ทรงวิสัญญีภาพลงตรงพระพ
ครั้งนั้น สมเด็จพระบรมสังขจักรก็ได้ซึ่งอ
ปางนั้น สมเด็จพระชินศรีจึงตรัสพระส
***มีปุจฉาว่า เหตุไฉนพระเจ้าสังขจักรจึงทูลห
***วิสัชนาว่า สมเด็จบรมสังขจักรทรงคิดเห็นว่า ถ้าสมเด็จพระพุทธเจ้าโปรดประทานพ
พระองค์จึงกราบทูลว่า ข้าพระพุทธเจ้าเกล้ากระหม่อมฉ
ดูก่อนสำแดงสารีบุตร ครั้นเมื่อพระบรมโพธิสัตว์ศร
ดูก่อนสำแดงสารีบุตร ผู้เป็นพระยาธรรมของพระตถาคต ฝูงคนทั้งหลายที่มิได้เห็นร
เอวํ ก็มีด้วยประการฉะนี้
--
May's
จงเป็นกุลสตรีเมื่ออยู่ในครัว และเป็นอีตัวเมื่ออยู่บนเตียง
วันอังคารที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2550
วิธีเรียกร้องความสนใจจากคนอื่น ......
วิธีเรียกร้องความสนใจจากคนอื่น ...... ลองเอาไปทำดู ได้ผลแน่ๆ
Sometimes when you cry,
บางครั้ง เมื่อคุณร้องไห้
no one sees your tears..
ไม่มีใครได้เห็นน้ำตาของคุณ
Sometimes when you are in pain,
บางครั้ง ที่ คุณบาดเจ็บ
no one sees your hurt...
ไม่มีใครรับรู้ถึงความเจ็บปวดของคุณ
Sometimes when you are worried,
บางครั้ง ที่คุณกังวล
no one sees your stress...
ไม่มีใครรับรู้ถึงความเครียดของคุณ
Sometimes when you are happy,
บางครั้ง เมื่อคุณมีความสุข
no one sees your smile...
ไม่มีใครสังเกตุเห็น รอยยิ้มของคุณ
But...
แต่ทว่า ....
FART Just One Time...
ขอเพียงคุณ ตด สักครั้ง
Everybody Knows!
ทุกคนจะรู้ทันที!!!
...........ย้ำ! ...............โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง !!
55555555555555555555555555555