วันพุธที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ตรวจสอบว่าเป็น ค.ศ., พ.ศ.

  procedure TFormXX.FormCreate(Sender: TObject);
  var
    O: PChar;
    S: LCID;
    c: Integer;
  begin

    O := StrAlloc(255);
    S := GetUserDefaultLCID;

    GetLocaleInfo(S, LOCALE_ICALENDARTYPE, O, 255);
    Caption := 'Native language for user locale is ' + O;

    C := StrToInt(WideCharToString(O));

    case C of
      0:      ShowMessage('None');
      1:      ShowMessage('Gregorian');
      3:      ShowMessage('Japanese Emperor Era');
      5:      ShowMessage('Korean Tangun Era');
      6:      ShowMessage('Hijri');
      7:      ShowMessage('Buddhist');
      8:      ShowMessage('Hebrew Lunar');
      9:      ShowMessage('Gregorian Middle East French Calendar');
      10:     ShowMessage('Gregorian Arabic Calendar');
      11:     ShowMessage('Gregorian Transliterated English Calendar');
      12:     ShowMessage('Gregorian Transliterated French Calendar');
      16:     ShowMessage('Saka Era');
    end;

    StrDispose(O);

  end;

วันอังคารที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2554

น่าคิด..

3 x 8 = ?????

เอี๋ยนหุยใฝ่ศึกษา มีคุณธรรมงดงาม เป็นศิษย์รักของขงจื้อ มีอยู่วันหนึ่ง เอี๋ยนหุยออกไปทำธุระที่ตลาด เห็นผู้คนจำนวนมากห้อมล้อมอยู่ที่หน้าร้านขายผ้า

จึงเข้าไปสอบถามดู จึงรู้ว่าเกิดการพิพาทระหว่างคนขายผ้ากับลูกค้า
ได้ยินลุกค้าตะโกนเสียงดังโหวกเหวกว่า “3x8ได้ 23 ทำไมท่านถึงให้ข้าจ่าย24เหรียญล่ะ!”
เอี๋ยนหุยจึงเดินเข้าไปที่ร้าน หลังจากทำความเคารพแล้ว ก็กล่าวว่า “พี่ชาย 3x8 ได้ 24

จะเป็น 23 ได้ยังไง? พี่ชายคิดผิดแล้ว ไม่ต้องทะเลาะกันหรอก”

คนซื้อผ้าไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง ชี้หน้าเอี๋ยนหุยและกล่าวว่า “ใครให้เจ้าเข้ามายุ่ง! เจ้าอายุเท่าไหร่กัน!

จะตัดสินก็มีเพียงท่านขงจื้อเท่านั้น ผิดหรือถูกมีท่านผู้เดียวที่ข้าจะยอมรับ

ไป ไปหาท่านขงจื้อกัน ”

เอี่ยนหุยกล่าวว่า “ก็ดี หากท่านขงจื้อบอกว่าท่านผิด ท่านจะทำอย่างไร?”
คนซื้อผ้ากล่าวว่า“หากท่านวินิจฉัยว่าข้าผิด ข้ายอมให้หัวหลุดจากบ่า! แล้วหากเจ้าผิดล่ะ?”
เอี๋ยนหุยกล่าวว่า “หากท่านวินิจฉัยว่าข้าผิด ข้ายอมถูกปลดหมวก(ตำแหน่ง)”
ทั้งสองจึงเกิดการเดิมพันขึ้น

เมื่อขงจื้อสอบถามจนเกิดความกระจ่าง ก็ยิ้มให้กับเอี๋ยนหุยและกล่าวว่า “3x8ได้ 23 ถูกต้องแล้ว

เอี๋ยนหุย เธอแพ้แล้ว ถอดหมวกของเธอให้พี่ชายท่านนี้เสีย”
เอี๋ยนหุย ไม่โต้แย้ง ยอมรับในการวินิจฉัยของท่านอาจารย์ จึงถอดหมวกที่สวมให้แก่ชายคนนั้น
ชายผู้นั้นเมื่อได้รับหมวกก็ยิ้มสมหวังกลับไป
ต่อคำวินิจฉัยของขงจื้อ ต่อหน้าแม้เอี๋ยนหุยจะยอมรับ แต่ในใจกลับไม่ได้คิดเช่นนั้น
เอี๋ยนหุยคิดว่าท่านอาจารย์ชรามากแล้ว ความคิดคงเลอะเลือน จึงไม่อยากอยู่ศึกษากับขงจื้ออีกต่อไป

พอรุ่งขึ้น เอี๋ยนหุยจึงเข้าไปขอลาอาจารย์กลับบ้าน ด้วยเหตุผลที่ว่าที่บ้านเกิดเรื่องราว ต้องรีบกลับไปจัดการ

ขงจื้อรู้ว่าเอี๋ยนหุยคิดอะไรอยู่ ก็ไม่ได้สอบถามมากความ อนุญาตให้เอี๋ยนหุยกลับบ้านได้
ก่อนที่เอี๋ยนหุยจะออกเดินทาง ได้เข้าไปกราบลาขงจื้อ ขงจื้อกล่าวอวยพรและให้รีบกลับมาหากเสร็จกิจธุระแล้ว

พร้อมกันนั้นก็ได้กำชับว่า “อย่าแฝงเร้นกายใต้ต้นไม้ใหญ่ อย่าฆ่าผู้ใดหากไม่ชัดแจ้ง”

เอี๋ยนหุยคำนับพร้อมกล่าวว่า “ศิษย์จะจำใส่ใจ” แล้วลาอาจารย์ออกเดินทาง

เมื่อออกเดินทางไปได้ระยะหนึ่ง เกิดพายุลมแรงสายฟ้าแลบแปลบ เอี๋ยนหุยคิดว่าต้องเกิดพายุลมฝนเป็นแน่

จึงเร่งฝีเท้าเพื่อจะเข้าไปอาศัยอยู่ไต้ต้นไม้ใหญ่ แต่ก็ฉุกคิดถึงคำกำชับของท่านอาจารย์ที่ว่า “อย่าแฝงเร้นกาย



ใต้ต้นไม้ใหญ่ อย่าฆ่าผู้ใดหากไม่ชัดแจ้ง”
เราเองก็ติดตามท่านอาจารย์มาเป็นเวลานาน ลองเชื่ออาจารย์ดูอีกสักครั้ง คิดได้ดังนั้น

จึงเดินออกจากต้นไม้ใหญ่
ในขณะที่เอี๋ยนหุยเดินไปได้ไม่ไกลนัก บัดดล สายฟ้าก็ผ่าต้นไม้ใหญ่นั้นล้มลงมาให้เห็นต่อหน้าต่อตา

เอี๋ยนหุยตะลึงพรึงเพริด

คำกล่าวของพระอาจารย์ประโยคแรกเป็นจริงแล้ว หรือตัวเราจะฆ่าใครโดยไม่รู้สาเหตุ?



เอี๋ยนหุยจึงรีบเดินทางกลับ กว่าจะถึงบ้านก็ดึกแล้ว แต่ไม่กล้าปลุกคนในบ้าน เลยใช้ดาบที่นำติดตัว

มาค่อยๆเดาะดาลประตูห้องของภรรยา
เมื่อเอี๋ยนหุยคลำไปที่เตียงนอน ก็ต้องตกใจ ทำไมมีคนนอนอยู่บนเตียงสองคน!

เอี๋ยนหุยโมโหเป็นอย่างยิ่ง จึงหยิบดาบขึ้นมาหมายปลิดชีพผู้ที่นอนอยู่บนเตียง

เสียงกำชับของอาจารย์ก็ดังขึ้นมา “อย่าฆ่าผู้ใดหากไม่ชัดแจ้ง”



เมื่อเขาจุดตะเกียง จึงได้เห็นว่า คนหนึ่งคือภรรยา อีกคนหนึ่งคือน้องสาวของเขาเอง
พอฟ้าส่าง เอี๋ยนหุยก็รีบกลับสำนัก

เมื่อพบหน้าขงจื้อจึงรีบคุกเข่ากราบอาจารย์และกล่าวว่า “ท่านอาจารย์ คำกำชับของท่านได้ช่วยชีวิตของศิษย์ ภรรยาและน้องสาวไว้

ทำไมท่านจึงรู้เหมือนตาเห็นว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับศิษย์บ้าง?”
ขงจื้อพยุงเอี๋ยนหุยให้ลุกขึ้น และกล่าวว่า “เมื่อวานอากาศไม่ค่อยสู้ดีนัก น่าจะมีฟ้าร้องฟ้าแลบเป็นแน่

จึงเตือนเธอว่า อย่าแฝงเร้นกายใต้ต้นไม้ใหญ่

และเมื่อวาน เธอจากไปด้วยโทสะ แถมยังพกดาบติดตัวไปด้วย

อาจารย์จึ้งเตือนเธอว่า อย่าฆ่าผู้ใดหากไม่ชัดแจ้ง ”

เอี๋ยนหุยโค้งคำนับ “ท่านอาจารย์คาดการดังเทวดา ศิษย์รู้สึกเคารพเลื่อมใสท่านเหลือเกิน”

ขงจื้อจึงตักเดือนเอี๋ยนหุยว่า “อาจารย์ว่าที่เธอขอลากลับบ้านนั้นเป็นการโกหก ที่จริงแล้วเธอคิดว่า

อาจารย์แก่แล้ว ความคิดเลอะเลือน

ไม่อยากศึกษากับอาจารย์อีกแล้ว เธอลองคิดดูสิ อาจารย์บอกว่า 3x8ได้ 23 เธอแพ้ ก็เพียงแค่ถอดหมวก

หากอาจารย์บอกว่า 3x8ได้ 24 เขาแพ้ นั่นหมายถึงชีวิตของคนๆหนึ่ง เธอคิดว่าหมวกหรือชีวิตสำคัญล่ะ? ”


เอี๋ยนหุยกระจ่างในฉับพลัน คุกเข่าต่อหน้าขงจื้อ แล้วกล่าวว่า “ท่านอาจารย์เห็นคุณธรรมเป็นสำคัญ

โดยไม่เห็นแก่เรื่องถูกผิดเล็กๆน้อยๆ

ศิษย์คิดว่าอาจารย์แก่ชราจึงเลอะเลือน ศิษย์เสียใจเป็นที่สุด”



จากนั้นเป็นต้นไป ไม่ว่าขงจื้อจะเดินทางไปยังแห่งหนตำบลใด เอี๋ยนหุยติดตามไม่เคยห่างกาย
จากตำนานเรื่องเล่านี้ ทำให้ข้าพเจ้านึกถึงเพลงๆหนึ่งของอิวเค่อหลี่หลิน(นักร้องดูโอของไต้หวัน)

ที่ร้องว่า “หากสูญเสียเธอไป ต่อให้เอาชนะทั้งโลกได้แล้วจะยังไง? เช่นกัน

บางครั้งคุณอาจเอาชนะคนอื่นด้วยเหตุผลของคุณ แต่อาจจะสูญเสียสิ่งที่สำคัญที่สุดไป ”
เรื่องราวต่างๆ แบ่งเป็นหนักเบารีบช้า อย่าเป็นเพราะต้องการเอาชนะให้ได้ แล้วทำให้เสียใจไปตลอดชีวิต
เรื่องราวมากมายที่ไม่ควรทะเลาะกัน ถอยหนึ่งก้าวทะเลกว้างฟ้างาม
ทะเลาะกับลูกค้า ต่อให้ชนะ ก็แพ้อยู่ดี (วันที่ส่งตัวอย่างผลิตภัณฑ์ใหม่ คุณก็จะรู้สึก)
ทะเลาะกับเถ้าแก่ ต่อให้ชนะ ก็แพ้อยู่ดี (วันที่ตรวจผลงานปลายปีมาถึง คุณก็จะรู้สึก)
ทะเลาะกับภรรยา ต่อให้ชนะ ก็แพ้อยู่ดี (เธอไม่สนใจคุณ คุณก็หากับข้าวกินเองละกัน)
ทะเลาะกับเพื่อน ต่อให้ชนะ ก็แพ้อยู่ดี (เคลียร์ไม่ได้ คุณอาจจะเสียเพื่อนไปเลย)
ใบชา เกิดสีสวยและกลิ่นหอมน่าลิ้มลองได้ ก็เพราะโดนน้ำร้อนลวก
ชีวิตของคนเราก็เช่นเดียวกัน เพราะเผชิญกับอุปสรรคครั้งแล้วครั้งเล่า
จึงเหลือไว้ซึ่งเรื่องราวเป็นตำนานให้ได้เล่าขานน่าตามติด

ผู้ที่รู้สำนึกคุณอยู่เสมอ จึงเป็นผู้มีวาสนามากที่สุด

วันศุกร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

บ้านของฉัน

เมื่อผมกลับมามองย้อนดูสถานการณ์ระหว่างไทยกับกัมพูชาแล้ว
ผมมีความรู้สึกว่า คนไทยส่วนใหญ่ไม่มีความรู้สึกผูกผันกับสิ่งใดที่มิใช่ผลประโยชน์โดยตรงของเขาเท่าไรนัก
เช่นมิได้รู้สึกว่าผืนดินบริเวณชายแดนเหล่านั้นเป็นที่ดินของตนแต่อย่างใด
เพื่อนร่วมชาติคนไหนที่ได้รับผลกระทบก็ปล่อยให้เขาแก้ปัญหากันเอาเอง
เพราะตัวเองมิได้รับผลกระทบนั้นโดยตรง จึงพากันเฉยชา ธุระไม่ใช่ ไม่สนใจติดตามหาข้อมูลหลายด้านๆ
แล้วมาเปรียบเทียบว่าข้อมูลของใครมีเหตุผล หลักฐานหนักแน่น กว่ากัน
เมื่อไม่มีข้อมูลเพียงพอที่จะตัดสินว่าใครพูดจริงกว่ากัน ก็จะตัดสินใจบนพื้นฐานว่าใครเป็นคนพูด
โดยจะเชื่อตามคนพูดที่เรารักชอบมากกว่า กลายเป็นสังคมทุกวันนี้ตัดสินใจบนพื้นฐานของอารมณ์มากกว่าเหตุผลไป
ในกรณีนี้ถ้าเราลองสมมติว่า เรามีบ้านหลังใหญ่มากหลังหนึ่ง มีสมาชิกในบ้านหลายคน เนื่องจากมีบริเวณกว้างขวางมาก
สมาชิกในบ้านจึงไปจ้างผู้จัดการมาคนหนึ่งเพื่อดูแลรักษาผลประโยชน์ในที่ดินดังกล่าว
อีกทั้งยังไปจ้างพนักงานรักษาความปลอดภัยมากลุ่มหนึ่ง
ก็อยู่อาศัยในที่ดินดังกล่าวมาอย่างปรกติสุขเรื่อยมา
จนมาวันหนึ่งเกิดมีอันธพาลกลุ่มหนึ่งเข้ามาปลูกเพิงหลังเล็กๆหลังหนึ่งที่มุมพื้นที่บ้านเราเพื่อจะอยู่อาศัย
เมื่อเราพบเห็นเราก็ไปบอกผู้จัดการกับ รปภ. เพื่อให้ไปจัดการกับอันธพาลกลุ่มดังกล่าว
ผู้จัดการก็บอกว่าเดี่ยวค่อยๆเจรจากันไป ครั้งแรกๆเราก็ยอมเพราะเราเองนั้นก็ไม่อยากให้มีเรื่องอะไรกับใครเหมือนกัน
แต่พอผ่านไปกี่เดือนกี่ปีก็แล้ว ก็ยังเจรจากันไม่สำเร็จสักที
เราก็ไปเร่งรัดผู้จัดการให้รีบจัดการให้เป็นที่เรียบร้อยโดยเร็ว
ผจก.ก็บอกว่าไปเซ็นหนังสือตกลงกับเขาไว้ว่าจะไม่มีการใช้กำลังขับไล่และห้ามเขาบุกรุกเข้ามาเพิ่มเติมเข้ามาอีก
แต่ไม่เป็นไรผมยังตกลงกับเขาว่าห้ามสร้างอะไรเพิ่มเติมอีกนะ เราไม่ต้องกังวลไป
เราก็ยังให้โอกาสผจก.แก้ปัญหาตามวิธีของเขาอยู่
แต่ต่อมาอันธพาลกลุ่มดังกล่าวก็สร้างตึกขึ้นมาในที่ดินดังกล่าวแถมยังบอกว่าที่ดินดังกล่าวเป็นของตนไม่ใช่ของเราอีกต่อไปแล้ว
และจะยังไปขอจดทะเบียนกับทางการอีกด้วย เมื่อเรารู้ข้อมูลก็ไปเร่งรัด ผจก.ให้รีบดำเนินการแก้ไข
แต่ผจก.ก็บอกว่าไม่เสียดินแดนหรอกเราตีตนไปก่อนไข้ ใจเย็นๆ
แต่คราวนี้สมาชิกในบ้านเรา 2 คน ต้องการเข้าไปพิสูจน์ให้สมาชิกในบ้านเห็นว่าที่ดินดังกล่าวเราเสียไปแล้ว
เพราะเราคนใดก็ตามไม่สามารถเข้าไปในบริเวณดังกล่าวได้แล้ว
ก็เลยเสียสละเสี่ยงเข้าไปดินแดนดังกล่าวเพื่อพิสูจน์
ปรากฏว่าถูกจับกุม เราก็รีบไปบอกผจก.ให้ช่วยแก้ไข
ผจก.ก็บอกว่า ก็อยากไปให้เขาเองจับทำไม แถมที่ถูกจับนะเป็นบริเวณที่ดินของเขานะไม่ใช่ของเราหรอก
แต่คราวนี้เราร้อนใจเป็นอย่างยิ่ง ก็เลยไปบอก รปภ.ของเราซึ่งมีจำนวนและอุปกรณ์มากกว่ากลุ่มอันธพาลดังกล่าวเป้นจำนวนมากนั้น
ให้ช่วยกันยกกำลังไปบอกให้กลุ่มอันธพาลออกไปจากที่ดินของเราและคืนสมาชิกในบ้านของเรากลับมาให้เราด้วย
รปภ.กลุ่มดังกล่าวก็อ้างว่า ผจก.ไปทำหนังสือตกลงกับกลุ่มอันธพาลดังกล่าวแล้วว่าห้ามใช้กำลัง พวกเขาทำอะไรไม่ได้หรอก
เราก็บอก เฮ้ยหนังสือดังกล่าวยังไม่ได้เป็นกฏหมายเลยนะเป็นแค่ข้อตกลง ทางเราซิมีกฏหมายเรื่องบุกรุกคุ้มครองอยู่นะ
ซึ่งน่าจะเหนือกว่าข้อตกลงดังกล่าวเสียด้วยซ้ำ
รปภ.ก็บอกเราว่า ถ้าอยากจะไล่ให้ไปไล่เองซิ เขาไม่ไล่ให้หรอก เขากลัวว่าตัวเขาและ/หรือลูกน้องเขาอาจจะได้รับบาดเจ็บ ล้มตายได้
คำถามของผมก็คือ ถ้าคนไทยคนไหนตกอยู่ในเหตุการณ์แบบนี้คุณจะทำอย่างไร
จะรู้สึกธุระไม่ใช่อีกต่อไปไหม
จะจ้าง ผจก.คนนี้ต่อไปไหม
จะจ้าง รปภ.กลุ่มนี้ต่อไปดีไหม
ส่วน รปภ.เมื่อคุณตัดสินใจสมัครเข้ามาเรียนในโรงเรียน รปภ.
คุณก็ต้องรู้ว่าเมื่อเรียนจบแล้วไปทำงาน คุณก็อาจจะเจอปัญหาดังกล่าวได้
ถ้าคุณกลัวแล้วคุณมาเรียนเป็นรปภ.ทำไม ไม่มีใครอยากมีเรื่องกับคนอื่นหรอกแต่ถ้าเขามาเรื่องกับเราก่อนละ จะทำอย่างไร
มากไปกว่านั้นอันธพาลกลุ่มนี้กำลังนำที่ดินเรา ที่เขาครอบครองอยู่ไปจดทะเบียนเพื่อเป็นเจ้าของอยู่ เราจะรอช้าอยู่ก็ไม่ได้
กรณีเช่นนี้ถ้าเป็นบ้านคุณ
คุณจะยกที่ดินให้เขาไปไหม
ถ้าไม่อยากยกที่ดินให้เขา เจรจายังไงแล้วก็ตาม แต่พูดกันไม่รู้เรื่องสักที
เพราะตราบเท่ายังเจรจากันไม่ได้ เขาก็ยังครอบครองที่ดินบริเวณนั้นอยู่ตลอดไป
แล้วไม่มีศาลยุติธรรมที่ไหนที่จะมาตัดสินคดีนี้ให้เราได้
เพราะเรานั้นได้ถอนตัวจากการเป็นสมาชิกของศาลดังกล่าวที่เคยตัดสินให้เราเสียศาลพระภูมิให้กลุ่มอันธพาลดังกล่าวไปแล้วในอดีต
เราจะทำอย่างไรดีในกรณีนี้ ผมไม่มีคำตอบให้ แต่ละคนต้องไปคิดกันเองเพราะคุณก็เป็นสมาชิกในบ้านหลังนี้เหมือนผมเช่นกันครับ


Copy มาจาก Manager จอเหลือง

วันอังคารที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2553

ขำขัน : ต่างความคิดของลูกสาวต่างวัย

เรื่องมีอยู่ว่า....

แม่ : มีผู้ชายคนหนึ่งเขามาบอกแม่ว่า เขาสนใจลูกอยู่นะ

ลูกสาวอายุ 18 : จะถามแม่ว่า....."เขาหล่อไหมแม่"
ลูกสาวอายุ 25 : จะถามแม่ว่า....."เขารวยไหมแม่"
ลูกสาวอายุ 30 : จะถามแม่ว่า....."เขาทำงานอะไรแม่"
ลูกสาวอายุ 35 : จะถามแม่ว่า....."เขานิสัยเป็นไงแม่"
ลูกสาวอายุ 40 : จะถามแม่ว่า....."เขาอยู่ไหนแม่"




จำนวนการดูหน้าเว็บรวม