วันพฤหัสบดีที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

เกาะกระแสวาเลนไทน์กะเค้ามั่ง -- เฮ้ย!


1. นิยามวันวาเลนไทน์ ---> วันที่ไม่เจ็บคอ แต่จะเป็นเบาหวาน และกลับบ้านต้องนั่งแกะสติ๊กเกอร์ออกจากเสื้อ (อมฮาร์ทบีท กับกินช็อกโกเล็ตทั้งวัน)
2. วาเลนไทน์ปีที่แล้วทำอะไร –--> จำไม่ได้ แต่คงเป็นเล่นเน็ตอยู่ (อยู่กับคอม 3/4 ชม.)
3. แล้วปีนี้จะทำอะไร ---> นอน ง่วงนอน โดนหมากัดเมื่อวันเสาร์ โดนฉีดยาวันเสาร์ 3 เข็ม วันอังคารอีก 2 เข็ม และยังเหลืออีก 3 ครั้ง ครั้งละ 2 เข็ม
4. จะใส่ชุดสีอะไรในวันแห่งความรัก ---> ชุดวันเกิด (ตอนอาบน้ำ) แล้วจะให้ใส่ชุดอะไรหละ !
5. จะโทรไปหาใครบ้าง ---> ถ้าไม่มีใครโทรหา ก็คงไม่โทรหาใคร
6. อยากไปดินเนอร์กะดาราคนไหน ---> อยากไปกะ .. กะ .. .ใครก็ได้แล้วกัน
7. อยากได้ของขวัญอะไรในวันวาเลนไทน์ ---> ขาดอย่างเดียว "ภรรยา"
8. คิดว่าเมนูไหนเหมาะกับวันนี้ที่สุด ---> Start --> Turn off computer
9. แนะนำร้านที่คิดว่าเหมาะแก่การไปดินเนอร์กะคนพิเศษหน่อย ---> ร้านหมูกะทะ นั่งที่มืดๆ ต้องมืดๆ ย่างแป๊บเดียวทุกอย่างสุกหมด ไม่เปลืองด้วย
10. ไปยังไงอ่ะ ---> อันนี้ก็แล้วแต่ว่ากินที่ใหน และความสามารถด้านการเงิน ถ้ากินที่เชียงรายก็คงต้องโบกรถสิบล้อไป

รับ tag มาจาก http://asdoxa.multiply.com/ จ้า

อายุยืน
สุรศักดิ์มายืนรอแฟนที่ห้างแห่งหนึ่ง เขารอแฟนนานมากจึงคิดจะไปล้างหน้า
หลังจากเดินออกมาจากห้องน้ำเขาก็เหลือบไปเห็นเด็กวัยรุ่นกำลังนั่งกินช็อกโกแลค
ทอฟฟี่ น้ำอัดลม เขาจึงเดินเข้าไปเตือน
สุรศักดิ์ : น้อง น้องรู้ไหมว่าของพวกนี้ไม่มีประโยชน์
เด็กวัยรุ่น : รู้เพ่ ก็ผมกินประจำ
สุรศักดิ์ : อ้าว แล้วน้องไม่เป็นไรหรือ
เด็กวัยรุ่น : ปู่ผมอายุ 100 ปี
สุรศักดิ์ : ปู่น้องกินของพวกนี้ประจำเหมือนกันเรอะ
เด็กวัยรุ่น : ป่าว
สุรศักดิ์ : แล้วเอาปู่มาอ้างทำไม
เด็กวัยรุ่น : ปู่ผมไม่เคยยุ่งเรื่องชาวบ้าน อายุเลยยืน
สุรสักดิ์ : ????????


เรื่องนี้ต้องรอ
ด้วยความช่วยเหลืออย่างเต็มที่จากผู้เชี่ยวชาญด้านการมีบุตร
หญิงชราวัย 65 ปีรายหนึ่งสามารถให้กำเนิดบุตรได้สำเร็จ
วงศาคณาญาติที่ทราบข่าว ต่างเดินทางมาร่วมแสดงความยินดี
และต้อนรับสมาชิกใหม่ของครอบครัว และ
เมื่อพวกเขาขอดูหน้าทารกน้อย หญิงชราก็ตอบว่า " ไม่ใช่ตอนนี้"
ครู่ใหญ่ผ่านไป บรรดาญาติๆ ก็ขอพบหน้าทารกน้อยอีกครั้ง
หญิงชราตอบเหมือนเดิม "ไม่ใช่ตอนนี้"
ในที่สุด บรรดาญาติๆ ก็ถามขึ้นอย่างหมดความอดทนว่า
ก็แล้วเมื่อไหร่พวกเราถึงจะได้เห็นหน้าเจ้าตัวเล็ก
บรรดาญาติๆ ถามอีกว่าทำไมเราต้องรอจนกว่าเด็กร้องด้วย
คุณแม่วัย 65 ปีตอบ เพราะฉันจำไม่ได้ว่าวางแกไว้ที่ไหน


สัตว์อะไรที่เธอชอบ
คุณครูคุยกับเด็กนักเรียนอนุบาล 1 ระหว่างคอยผู้ปกครองมารับกลับบ้าน
" ที่บ้านหนูเลี้ยงสัตว์อะไรบ้างคะ" คุณครูถาม
" มีหมาแค่ตัวเดียวค่ะ แต่ข้างบ้านเขาเลี้ยงตั้งหลายอย่างค่ะ มีนก แมว ชะนีก็มีค่ะ" หนูน้อยเล่า
" แล้วหนูชอบอะไรมากที่สุดคะ"
" ชอบนกกับปลาสวยๆ คะ"
" เหรอคะ แล้วคุณพ่อคุณแม่ละคะชอบอะไร" ครูถามต่อ
" คุณพ่อชอบอ่านหนังสือ ไม่ชอบสัตว์อะไรซักอย่าง.." หนูน้อยส่ายหน้าเมื่อพูดถึงคุณพ่อ
" ส่วนคุณแม่.. เห็นคุณพ่อพูดอยู่เรื่อยเลยว่าคุณแม่ชอบแรดค่ะ.."


มีหน้าที่ฟังๆไป
มีชายอยู่ 2 คน นั่งคุยกันที่สวนสาธารณะ
นายดำ:ข้ามีเรื่องจะเล่าให้ฟังว่ะ นายอยากฟังมั๊ย
นายแดง:ฟังก็ฟังวะ
นายดำ:มีสามภรรยาคู่หนึ่ง ชอบทะเลาะกัน วันหนึ่งภรรยาให้สามีไปซื้อผงซักฟอกให้ แต่สามี ซื้อน้ำยาล้างจานมา
ภรรยาเลยถามว่า ทำไมเอ็งซื้อน้ำยาล้างจานมาวะ
สามีตอบว่า มีหน้าที่ซัก ซักไป
ต่อมา ภรรยาคิดแก้แค้น ในคืนวันที่สองเลยให้กินข้าวเปล่า ไม่มีกับ
สามีถามว่า กับข้าวล่ะ ภรรยาตอบ อย่าเรื่องมาก มีหน้าที่กิน กินไป
พอต่อมาวันที่สี่......
นายแดง:เฮ้ยวันที่ 3 ล่ะวะ ไปไหน
นายดำ:มีหน้าที่ฟังๆไป


แบงค์ย่อย
ผู้หญิงคนหนึ่งทำกระเป๋าถือหล่นหายในห้างสรรพสินค้า
โชคดีที่มีเด็กคนนึงเก็บได้ และเขาก็เอามาคืนเธอ
เมื่อเธอเปิดกระเป๋าออกดูหลังจากได้รับแล้ว เธอก็ต้องแปลกใจ
" เอ๊ะ... ชั้นจำได้ว่ามีแบงค์ห้าร้อยในกระเป๋าอยู่ใบนึงนี่นา
ทำไมมันกลายเป็นแบงค์ย่อยหมดเลยล่ะ "
ไอ้หนูรีบตอบอย่างรวดเร็ว " คือว่านะคับ ครั้งที่แล้วผมเก็บกระเป๋าตังค์ได้
เจ้าของเค้าไม่มีแบงค์ย่อย ผมเลยอดรางวัลเลยคับ "


นักเดินทาง 3 คน
นักเดินทาง 3 คน หลงป่าไปเจอเผ่ากินคน วันนั้นเป็นวันเกิดของหัวหน้าเผ่า ท่านหัวหน้าจึงคิดจะทำบุญ จึงสั่งว่า
" วันนี้เป็นวันเกิดของข้า ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า แต่พวกเจ้าต้องเข้าป่าไปเก็บผลไม้คนละ 10 ผล
ต้องเป็นชนิดเดียวกันใน 10 ผลนั้น ไปได้"
ทั้ง 3 คนรีบเข้าป่าไปทันที สักครู่ คนแรกก็กลับมาพร้อมกับ
มะม่วง 10 ผล หัวหน้าเผ่าสั่งว่า " เจ้าจงนำผลไม้นั้นยัดไปในก้นของเจ้าทีละลูกให้ครบ โดยห้ามทำหน้าตา ใดๆทั้งสิ้น มิฉะนั้น จะถูกฆ่าทิ้ง"
ว่าแล้ว ชายหนุ่มก็ทำตามทันที แต่พอถึงลูกที่ 2 ก็เผลอทำหน้าเหยเกออกมา จึงถูกฆ่า
ต่อมา ชายคนที่ 2 ก็กลับมาพร้อมเชอร์รี่ 10 ผล รายนี้ถูกสั่งให้ทำแบบเดียวกันก็รีบทำตามทันที

แต่เมื่อถึงลูกที่ 9 ก็เผลอปล่อยก๊ากออกมา จึงถูกฆ่าเช่นกัน
บนสวรรค์ ชายคนแรกถามอีกคนว่า
" แกหัวเราะออกมาทำไมวะ ทั้งๆที่ยัดลูกที่ 9 แล้วเชียว" ชายคนที่ 2 ตอบว่า
" ช่วยไม่ได้นี่หว่า ก็ตอนยัดลูกที่ 9 น่ะ
ข้าเห็นพวกเราอีกคน อุ้มทุเรียนตั้ง 10 ลูกกลับมา !"


ฟ้องแม่
พอแม่ประคุณกลับจากทำงานถึงบ้าน ลูกชายตัวน้อยก็ฟ้องแม่ทันที
" แม่ แม่ เมื่อกลางวันนี้น่ะ พ่อแอบกลับมาบ้าน แล้วน้าผู้หญิงคนที่อยู่ข้างบ้านเราก็เข้ามาหา พ่อเค้าพาน้าคนนั้นเข้าไปในห้องนอน แล้วน้าคนนั้นก็นอนบนเตียงแล้วพ่อก็ขึ้นไปอยู่บนตัวน้าคนนั้น แล้วพ่อก็.."
" หยุด หยุดพูดลูก" แม่เจ้าประคุณร้องเสียงหลง " แกอย่าเพิ่งพูดต่อเดี๋ยวรอพ่อแกก่อน จำไว้นะ พอพ่อแกมา แกเล่าให้พ่อแกฟังทุกอย่างอย่างที่แกบอกแม่ตะกี้น่ะ"

แม่เจ้าประคุณรอพ่อตัวแสบด้วยความร้อนรน คิดว่าวันนี้จะต้องเอาเรื่องให้เห็นดำเห็นแดงกันไป พอพ่อกลับจากทำงานเดินเข้าบ้าน แม่เจ้าประคุณปราดเข้ามาจิกแขนจูงเข้ามาในบ้านด้วยความโกรธสุดขีด
เรียกลูกชายมาแล้วสั่งลูกด้วยเสียงเกรี้ยวกราด
" เอ้า พ่อแกมาแล้ว แกเล่าเรื่องนั้นให้พ่อแกฟังทุกอย่างเลยน่ะ อย่างที่แกเล่าเมื่อเย็นนี้น่ะ"
" เมื่อกลางวันนี้" เจ้าหนูเริ่มต้นเล่า "พ่อแอบกลับมาบ้าน แล้วน้าผู้หญิงข้างบ้านก็เข ้ามาหา พ่อเค้าพาน้าคนนั้นเข้าไปในห้องนอน แล้วน้าคนนั้นก็นอนบนเตียงพ่อก็ขึ้นไปอยู่บนตัวน้าคนนั้นแล้วพ่อก็ทำกับน้าคนนั้นเหมือนอย่างที่ลุงบ้านโน้นทำกับแม่เมื่อวันก่อนเลยครับ"


เร็วเกินไป
ทันทีที่ได้ข่าวคุณปู่เสียชีวิต เจนนี่ก็รีบบินไปหาคุณย่าเพื่อปลอบใจ
พอถามว่าคุณปู่จากไปเพราะอะไร คุณย่าอธิบายว่า
" ปู่แกหัวใจวายระหว่างที่มีเซ็กซ์กับย่าเมื่อเช้าวันอาทิตย์"
ถึงจะเห็นใจคุณย่า แต่เจนนี่ก็ยังอดโวยวายไม่ได้
" โห คุณย่า คุณปู่น่ะ อายุตั้ง 94 นะ
คุณย่าน่าจะรู้ว่าไม่ควรให้คุณปู่หักโหมแบบนั้น"
" ไม่ใช่อย่างนั้น" คุณย่าว่า
" ปกติย่ากับปู่มีเซ็กซ์กันแค่ทุกเช้าวันอาทิตย์ ตามจังหวะระฆังโบสถ์
แก๊งหนึ่งเข้า แก๊งหนึ่งออก แค่นั้นแหละ" หลังจากยกมือปาดน้ำตาที่หยดลงมา
คุณย่าอธิบายต่อว่า
" ถ้าไม่ใช่เพราะรถขายไอติมบ้านั้น ปู่เอ็งก็คงยังไม่ตายหรอก"


เคล็ดลับการทำสวน
สาวสวยนางหนึ่งเธอชอบทำสวนครัวมาก
เธอเห็นผักสวนครัวของคุณลุงข้างบ้านเจริญงอกงาม ผิดปกติ
ลูกมะเขือเทศของลุงลูกใหญ่และสีแดงสด เธอจึงไปถามเคล็ดลับจากคุณลุง
" เคล็ดลับไม่มีอะไรมากหรอกอีหนูะ แค่ทุกเช้าลุงจะแก้ผ้าเดินไปมาในสวนของลุง
ลูกมะเขือเทศ มันก็จะอายจนลูกแดงปลั่ง เอง"
สองสัปดาห์ต่อมาคุณลุงก็มาชมสวนของหญิงสาว
" เป็นไงบ้างหนู มะเขือเทศเป็นสีแดงสดบ้างไหม"
" ไม่เลยค่ะคุณลุง" หญิงสาวตอบด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น
" แต่คุณลุงมาดูขนาดของแตงกวาในสวนของหนูสิคะ"

วันจันทร์ที่ 11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

Manager VS Leader ต่างกันอย่างไร

'หัวหน้า' คือ คำหรือตำแหน่งที่ใช้เรียกคนที่เราต้องทำงานภายใต้การควบคุมของเขา ถ้าเป็นคำไทยๆ ก็คือ 'เจ้านาย' นั่นเอง
แต่ในคำว่าหัวหน้าหรือเจ้านาย ใช่ว่าทุกคนจะเหมือนกัน ครั้งนี้เราจะพูดถึงหัวหน้า 2 ประเภท

        ประเภทแรก เรียกว่า Manager ซึ่งก็คือ ผู้จัดการ หัวหน้าแบบนี้คือ ผู้ที่ทำหน้าที่จัดการเรื่องต่างๆ ให้เป็นไปตามจุดหมายของงานที่ตั้งไว้ แมเนเจอร์จะเน้นที่ตัวงานเป็นสำคัญ อะไรจะเกิดขึ้นไม่เป็นไร ขอให้งานลุล่วงสำเร็จเรียบร้อยตามเป้าหมายเป็นพอ ไม่ยอมให้งานผิดพลาดเด็ดขาด คือ 'มุ่งพัฒนาตัวเนื้องาน' เป็นหลัก

        ประเภทที่สอง เรียกว่า Leadership คือ หัวหน้าที่มีภาวะความเป็นผู้นำอยู่ในตัวสูง ให้ความสำคัญกับการทำงานระหว่างผู้คน ช่วยดึงศักยภาพของผู้อื่นให้ออกมาใช้อย่างเต็มที่ ให้โอกาสในการตัดสินใจ ไม่ออกคำสั่งเพื่อให้ทำตาม จนมีคำกล่าวว่า ผู้นำก็คือคนที่พยายามทำให้ผู้ตามกลายมาเป็นผู้นำคนต่อไป ยินยอมให้งานผิดพลาดได้ ในขณะที่คนทำงานได้เรียนรู้เพิ่มขึ้น คือ 'มุ่งพัฒนาขีดความสามารถของคน' เป็นหลัก

        ฉะนั้นแล้ว หัวหน้าบางคนอาจทำงานเก่งเรื่องจัดการงานต่างๆ ได้ดี แต่ไม่มีความเป็นผู้นำอยู่ในตัว ไม่มีคนเคารพเชื่อฟัง ไม่ได้ใจลูกน้องหรือทีมงาน ซึ่งตรงข้ามกับคนทำงานบางคนที่อาจไม่ใช่ระดับหัวหน้างาน แต่มีภาวะผู้นำอยู่ในตัว จะพูดหรือ จะทำอะไรก็มักจะมีคนเชื่อฟังสนับสนุนพร้อมทำตามอย่างเต็มใจ แม้จะทำงานระดับเท่ากัน แต่อาจให้ความเคารพเชื่อฟังมากกว่าหัวหน้าของตนเองเสียอีก พูดอีกแบบให้ง่ายขึ้นก็คือ คนที่เป็นระดับ Manager ทุกคนไม่ได้หมายความว่าจะเป็น Leader ที่ดีได้เสมอไป แต่คนระดับต่ำกว่า Manager บางคนสามารถเป็น Leader ที่ดีได้

ความเป็น 'ผู้นำ' กับ 'ผู้จัดการหัวหน้างาน' จึงเป็นคนละเรื่องนั่นเอง ลองสำรวจตัวเองว่าคุณมีความเป็น Manager หรือ Leader มากกว่ากัน ถ้ามีทั้งสองอย่างต้องขอปรบมือให้ดังๆ

Road to Leadership
        บางคนอาจจะเกิดมาพร้อมกับความเป็นผู้นำอยู่แล้ว มากบ้างน้อยบ้างต่างกันไป แต่ความเป็นผู้นำไม่ใช่เรื่องของ 'พรสวรรค์' เฉพาะบุคคล แต่เป็นทักษะที่สร้างขึ้นมาได้ด้วยการฝึกฝน พัฒนาตนเองอย่างสม่ำเสมอ และ 3 ข้อนี้คือทักษะที่สำคัญใหญ่ๆสำหรับผู้ที่จะก้าวมาเป็นผู้นำ

เปิดใจให้กว้าง
        ไม่เอาแต่ใจ ไม่ยึดตัวเองเป็นที่ตั้ง ผู้นำคือคนที่มีหน้าที่ดึงศักยภาพของผู้อื่นให้ออกมาใช้มากที่สุด ไม่ใช่คนคอยแจกจ่ายงานให้คนอื่นทำตามที่ตัวเองต้องการแค่นั้น แล้วเวลาประชุมหรือระดมความคิดเห็นก็ต้องรับฟังอย่างจริงใจ ไม่ใช่ บอกว่าให้ทุกคนออกความเห็นแต่ตัวเองมีสิ่งที่ต้องการหรือคำตอบสุดท้ายอยู่ในใจอยู่แล้ว แบบนี้จะขอความคิดเห็นจากผู้อื่นไปทำไมให้เสียเวลา และถ้าทำแบบนี้บ่อยๆลูกน้องก็จะไม่อยากเข้าประชุม และไม่อยากออกความเห็นเพราะรู้ว่าสุดท้ายหัวหน้าก็จะเอาสิ่งที่ตัวเองคิดเหมือนเดิม

พร้อมเสี่ยงกับลูกน้องหรือทีมงาน
        มีสุขร่วมเสพมีทุกข์ร่วมต้าน ไปไหนไปกัน เฮไหนเฮนั่น นี่ก็เป็นอีกหนึ่งคุณสมบัติของผู้นำ หนึ่งในหน้าที่ของผู้นำก็คือสร้างให้ผู้ตามกลายมาเป็นผู้นำในอนาคต ฉะนั้นเราต้องเปิดโอกาสกล้าให้เขาตัดสินใจเรื่องสำคัญๆบ้างตามโอกาสอำนวย แล้วคอยดูว่าผลจะเป็นยังไง มันอาจจะดีและไม่ดีก็ได้ แต่ถ้าการตัดสินใจครั้งนั้นส่งผลดีมาก นั่นเท่ากับว่าคุณให้โอกาสครั้งสำคัญแก่เขาในการแสดงความสามารถ และเขาก็คงซึ้งในน้ำใจคุณเช่นกันที่ช่วยทำให้ตัวเขาเกิดความมั่นใจในการทำงานเพิ่มขึ้น และคนอื่นก็จะรู้ว่าคุณเป็นคนให้โอกาสคน สนับสนุนผู้อื่น ไม่ใช่เป็นพวกสกัดดาวรุ่งแน่ๆ ใครก็อยากมาทำงานกับหัวหน้าที่ส่งเสริมลูกน้องแบบนี้ทั้งนั้นแหละ

กล้ารับความล้มเหลว
        ข้อนี้ยิ่งสำคัญมาก เพราะถ้าคุณให้โอกาสลูกน้องทำงานแล้วเกิดผิดพลาด คุณต้องไม่โยนหรือปล่อยความผิดให้ลูกน้องเป็นผู้รับไปเต็มๆคนเดียว คุณต้องให้กำลังใจอย่าปล่อยให้ลูกน้องเสียขวัญ ใครๆก็ทำผิดได้ ทุกคนต้องเคยทำอะไรผิดมาแล้วทั้งนั้น อย่าลืมว่าคนไม่เคยทำผิดคือคนที่ไม่เคยทำอะไรเลยต่างหาก และถ้าคุณเป็นคนแรกที่ก้าวออกมายอมรับความผิดพลาดในฐานะหัวหน้าไม่ว่างานนั้นคุณอาจจะไม่ได้เกี่ยวข้องด้วยมากนัก แต่รับผิดด้วยหน้าที่ รับรองได้เลยว่าครั้งต่อไปทีมงานของคุณจะคิดอย่างรอบคอบ ใส่ใจตั้งใจทำงานเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดและส่งผลกระทบไปถึงหัวหน้าได้อีก นอกจากจะเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานแล้ว คุณน่าจะกลายมาเป็นที่ชื่นชมของคนอื่นอีกด้วย

        นอกจาก 3 เรื่องนี้แล้วคุณก็อาจจะพัฒนาตนเองในคุณสมบัติอื่นอีกเช่น การควบคุมอารมณ์ ความเป็นกลางยุติธรรม ต้องยืนอยู่กับความจริง วางเป้าหมายและลำดับความสำคัญให้ชัดเจน มีการติดตามงาน ให้รางวัลผู้ทำงานดี และต้องรู้จักตนเองให้ดีด้วย เหล่านี้ก็จะทำให้คุณกลายมาเป็นผู้นำที่สมบูรณ์แบบ

วันศุกร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

ทายนิสัยจากการตด

ตดบอกได้ว่าเป็นคนแบบไหน ตามตำราโบราณของชาวจีน ได้มีการบันทึกการดูบุคลิกของคน จากการตดเอาไว้มากมาย   วันนี้เราลองมาดม... เออ.!!!... ลองมาดูสิว่า เป็นจริงไหม???

 
1. คนใจเย็น - คนที่กลั้นตดจนถึงจุดระเบิด
2. คนขี้อวด - คนที่ตดดังสนั่น แล้วยืนหัวเราะชอบใจ
3. คนไม่จริงใจ - คนที่ตด แล้วหันไปมองหน้าเด็ก
4. คนงก - คนที่ชอบยืนดมตดตัวเอง
5. คนโชคร้าย - คนที่ตด ขณะเอามือตบโต๊ะไปด้วยแต่พลาดจังหวะ(ซวย)
6. คนซาดิสต์ - คนที่ตดในผ้าห่มแล้วกดหัวแฟนตัวเองไปดม
7. คนเจ้าเล่ห์ - คนที่ตดพร้อมกับไอกระแอมเบาๆ
8. คนสุภาพ - คนที่กล่าวคำขอโทษ ก่อนและหลัง การตด(ทั้งๆที่อยู่คนเดียว)
9. คนมั่งคั่ง - คนที่ตดอย่างสม่ำเสมอ เป็นจังหวะ และยาวนาน
10. คนใจร้าย - คนที่ตดไม่มีเสียง แต่เหม็นโคตร
11. คนดีแต่พูด - คนที่ตดโคตรดัง แต่ไม่มีกลิ่น(เน้นการใช้เสียงเพื่อขู่ศัตรู)
12. คนหลายใจ - คนที่ตด ขี้ เยี่ยว ไปพร้อมๆกันในเวลาเดียว
13. คนใจบุญ - คนที่ตดอยู่หนือลม
14. นักวิทยาศาตร์ - คนที่ชอบวิเคราะกลิ่นตดว่าอาหารก่อนหน้าประกอบด้วยอะไรบ้าง
15. ผู้ดี - คนที่กลั้นตดไว้เป็นชั่วโมงเพื่อ กลับไปตดที่บ้าน
16. แพทย์ - คนที่ล้างมือ ก่อนและหลังตด

คำเตือน ควรอ่านวันละไม่เกิน 2 ครั้ง เพราะอาจทำตดเรี่ยราดอยู่หน้าคอม...

จำนวนการดูหน้าเว็บรวม